พาณิชย์ คุยโวเตรียมจัดสรรเงินบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาคนว่างงานก่อน เดินหน้านโยบายประชานิยมต่อ เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งการช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน, การช่วยเหลือสินค้าเกษตร, การช่วยแก้ปัญหาคนตกงาน และการสร้างธุรกิจรายใหม่
ธปท. ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยในปี 52 เงยหัวไม่ขึ้นแน่ คาดติดลบ 0.5-2.5% แต่คงไม่ถึงขั้นเศรษฐกิจหดตัว และยังไม่เห็นแนวโน้มภาวะเงินฝืด มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลน่าจะออกมาเร็วในไตรมาส 2 ของปีนี้ ขณะที่เงินเฟ้อ 8 ไตรมาสข้างหน้ามีความเสี่ยงที่จะติดลบ
ปี 52 คาดว่าการส่งออกปีนี้มีโอกาสติดลบ 1.6% คิดเป็นมูลค่าส่งออก 173,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในครึ่งปีแรกจะติดลบถึง 10.2% จากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ทำให้ประเทศคู่ค้าทั่วโลกชะลอการสั่งซื้อ แต่จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นกลับมาเป็นบวก 6.9% ในครึ่งปีหลัง
"อภิสิทธิ์ษิโณมิกซ์" เริ่มแผงฤทธิ์นโยบายประชานิยมยิ่งกว่า ลด แลก แจก แถมทุกอย่าง หวังเอาใจคนทำงานและชาวบ้านรากหญ้า นักวิชาการสายกลางออกติงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสับแหลก หลายโครงการยังไม่เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ แนะอัดงบเมกะโปรเจ็คต์
วัดฝีมือ รัฐบาล "อภิสิทธิ์1" 3 กระทรวงเศรษฐกิจ เตรียมอัดฉีดเงินเข้าระบบ 6 พันล้านบาท หวังชะลอปัญหาเลิกจ้างแรงงาน เล็งกู้ต่างประเทศเพิ่มเงินคงคลังที่ใกล้ถังแตก ปรับเพิ่มวงเงินกู้ผ่านตราสารรัฐเป็น 6 แสนลบ.จาก 4.5 แสนลบ.ในปีงบฯ52 และเตรียมออกพันธบัตร 5 หมื่นลบ.ปล่อยซอฟท์โลน-SMEs เน้นกลุ่มท่องเที่ยว
กกพ. เห็นชอบพิจารณาค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ(ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในเดือน ม.ค.-เม.ย.เพิ่มขิ้น 14.85 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนในบิลค่าไฟฟ้ารอบนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.17บาทต่อหน่วย
สภาอุตสาหกรรมฯ เห็นด้วย TDRI ที่ให้ยกเว้นการจัดเก็บเงินประกันสังคมจากปัจจุบันที่จัดเก็บอยู่ที่ประมาณ 5% ต่อเดือน ลดลงทั้งระบบทั้งในส่วนของนายจ้าง ลูกจ้าง เหลือ 0.5-1% เป็นการชั่วคราว 1-2 ปี หากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาจัดเก็บในอัตราเดิม
อภิสิทธิ์ งานเข้าลุยกู้เงินจากต่างประเทศเน้นโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้ หลังรัฐบาลนำเงินคงคลังมาใช้ชดเชยการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐในปีงบประมาณ 52 ที่ต่ำกว่าเป้าหมายราว 1.2-1.3 แสนล้านบาท ย้ำว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในรุมเร้ายังไม่ปรับอัตราภาษี เดินหน้าประชานิยม
คณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจวันนี้มีมติจะจัดสรรงบกลางปี 52 ราว 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ครอบคลุม 9 กลุ่ม ทั้งกลุ่มแรงงาน, ผู้สูงอายุ, เกษตรกร, ภาคธุรกิจเอกชน, โครงการเรียนฟรี, ผู้มีรายได้น้อย, ภาครัฐ, ผู้มีรายได้ประจำ และการประชาสัมพันธ์ประเทศอย่างบูรณาการ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การลงทุนในปี 52 มีแนวโน้มที่จะหดตัวลง 1.4-3.4% เมื่อเทียบกับการลงทุนในปี 51 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.5% โดยแนวโน้มการลงทุนในปีนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสำคัญด้านการเมือง โดยเฉพาะความมีเสถียรภาพและความสามารถในการผลักดันนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
อลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เล็งของบประมาณจำนวน 5,000-10,000 บาท จากงบกลางปีที่มีอยู่ 1 แสนล้านบาท ว่านอุ้มโครงการขับเคลื่อนภาคการส่งออกตามยุทธศาสตร์เชิงรับและเชิงรุก เช่น ดำเนินโครงการเจาะตลาดใหม่ การกระตุ้นตลาดในประเทศ เพื่อผลักดันการส่งออกปี 52 ขยายตัวได้ตามเป้าหมายเกินกว่า 5%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดา อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี 52 มีความเป็นไปได้สูงที่จะเริ่มเห็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไป(CPI)เป็นตัวเลขติดลบในเดือน ม.ค.ถ้าราคาน้ำมันในประเทศยังไม่มีการปรับขึ้นมากนัก แต่เงินเฟ้ออาจจะขยับสูงขึ้นในเดือน ก.พ. หลังจากสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันภายใต้ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทย ก่อนที่จะกลับมามีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องไปจนถึงปลายไตรมาสที่ 2
พลังงาน เร่งหาทางออกใช้หนี้นำเข้าแอลพีจีปตท. 8,000 ล้านบาท หลัง"อภิสิทธิ์"เบรกปรับขึ้นราคาแอลพีจี 6 บาทต่อกิโลกรัม เหตุราคาตลาดโลกดิ่งเกือบเท่าราคาขายในประเทศ เตรียมถกกพช.สัปดาห์หน้าพร้อมยืดขึ้นราคาเอ็นจีวีแบบไร้กำหนด มั่นใจไม่กระทบแผนลงทุนปตท.มากนัก
รมว.พาณิชย์ พบของนายเอริค จี.จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ร้องทูตสหรัฐฯเป็นกระบอกเสียง ช่วยชี้แจงสร้างความเชื่อมั่นนักธุรกิจ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯ แจงสถานการณ์การเมืองในไทยไม่มีความวุ่นวายแล้ว หลังจากมีรัฐบาลใหม่ ที่มีเสถียรภาพมากกว่าเดิม
อัมมาร์ สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ ทีดีอาร์ไอ ปี 2552 ประเทศไทยต้องเผชิญกับพายุเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ปัญหาทางการเมืองยืดเยื้อกระทบส่งออก คาดว่าปีหน้าว่างงานเกือบ 2 ล้านคนที่วิตกกัน นโยบายประชานิยมสร้างเสพติดประชาชนนายกปฏิเสธไม่ได้หรอก