คนใช้ก๊าซชื่นมื่น"มาร์ค"แหยงคะแนนหด อ้างราคาตลาดโลกลด สั่งตรึงราคา "แอลพีจี-เอ็นจีวี" ไม่มีกำหนด ยก "ครม.เศรษฐกิจ" ถก "แบงก์ชาติ" ป้องกันเมนูเกาเหลาย้อนรอย พร้อมจี้ "ธปท." ดูแลค่าเงินอุ้มเอกชน ยันไทยไร้ปัญหาเงินฝืด พร้อมเรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ-รัฐวิสาหกิจแจงนโยบายวันนี้ ฝ่าย "ขุนคลัง" เผย ต้องตั้งงบขาดดุล 7 แสนล้านฟื้นเศรษฐกิจขึ้นจากเหว ลั่น 13 ม.ค. ชงมาตรการกระตุ้นลอตแรกให้ ครม. ไฟเขียว เผยเงินลงถึงมือคนจนภายใน 2-3 เดือน ส่วน "ผู้ว่าการ ธปท." รับมีสัญญาณเบี้ยวหนี้เพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. เวลา 16.00 น. ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้เดินทางมาหารือร่วมกับผู้บริหาร ธปท. นำโดยนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. เกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจไทย ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังหารือว่า ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลและ ธปท. มีเป้าหมายทางด้านเศรษฐกิจตรงกัน และเพื่อให้การทำงานเป็นเอกภาพ เพราะไม่อยากให้ ธปท. และรัฐบาล มีปัญหาการทำงานเหมือนที่ผ่านมา ภารกิจสำคัญที่ต้องทำคือ การดูแลเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนจะปรับลดดอกเบี้ยอีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 14 ม.ค. นี้ รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซง และเชื่อว่าการดำเนินนโยบายการเงินจะมีความผ่อนคลายเพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวเศรษฐกิจ สำหรับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ไม่ต้องการให้มีความผันผวนมากจนทำให้ผู้ประกอบการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและไม่ฝืนตลาด นอกจากนี้ยืนยันว่าไทยไม่เกิดปัญหาเงินฝืด

นางธาริษา กล่าวว่า จะประเมินตัวเลขเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งในการประชุม กนง. และดูว่าการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐ และการกระตุ้น การใช้จ่ายผู้บริโภคจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ยอมรับว่าสถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ เพราะมีสัญญาณว่าการผิดนัดชำระหนี้ 1-3 เดือนเริ่มมีสัดส่วนมากขึ้น ซึ่ง ธปท. จะต้องดูแลไม่ให้มีปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า นายกฯ ให้กระทรวงพลังงานชะลอ นโยบายการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) ออก ไปแบบไม่มีกำหนด จนถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อลดภาระด้านค่าใช้จ่ายของประชาชนช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ที่สำคัญราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีปรับลดลงตามราคาน้ำมันโลก

ที่สถาบันศศินทร์ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวในงานเสวนา "กอบกู้ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย" ว่า วันที่ 13 ม.ค. จะเสนอให้ ครม. พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยเฉพาะการใช้งบกลางปี 1 แสนล้านบาท ส่งผ่านไปให้ผู้มีรายได้น้อยโดยตรงเพื่อให้เบิกจ่ายได้เร็ว 2-3 เดือน เช่น โครงการเรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และมีแนวทางไม่ให้บริษัทปลดคนงาน โดยให้สถาบันการเงินของรัฐปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ยอมรับว่าต้องใช้งบกว่า 7 แสนล้านบาทในการฟื้นเศรษฐกิจ แยกเป็นปี 52 ที่ขาดดุลอยู่แล้ว 2.5 แสนล้าน รวมกับงบกลางปี 1 แสนล้าน และคาดว่าปี 53 ยังต้องขาดดุลอีก 3.5 แสนล้านบาท

ขณะที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า วันที่ 6 ม.ค. นายกฯ ได้เชิญหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมารับฟังการชี้แจงการจัดทำแผนบริหารราชการแผ่นดิน ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาในวันที่ 13 ม.ค. จากนั้นในอีก 1 สัปดาห์ รัฐบาลจะประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนต่อไปอย่างไรก็ตามรัฐบาลคงไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องใหม่ ๆ แต่ต้องทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุดเพื่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าไปในระบบอย่าง รวดเร็ว โดยเฉพาะเม็ดเงินจากกองทุนเศรษฐกิจพอเพียงหรือที่ใช้ชื่อในอดีตว่าโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (เอสเอ็มแอล) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ภาคเอกชนอยากเห็นรัฐบาลบริหารประเทศให้ได้อย่างน้อย 1-1 ปีครึ่ง เพื่อให้นโยบายต่อเนื่อง และยังหารือเรื่องเตรียมจัดดินเนอร์ทอล์ก ระหว่างเอกชนและ ครม.เศรษฐกิจในปลายเดือนนี้ด้วย.

ที่มา : เดลินิวส์