อภิสิทธิ์ งานเข้าลุยกู้เงินจากต่างประเทศเน้นโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้ หลังรัฐบาลนำเงินคงคลังมาใช้ชดเชยการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐในปีงบประมาณ 52 ที่ต่ำกว่าเป้าหมายราว 1.2-1.3 แสนล้านบาท ย้ำว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในรุมเร้ายังไม่ปรับอัตราภาษี เดินหน้าประชานิยม
อภิสิทธิ์ งานเข้าลุยกู้เงินจากต่างประเทศเน้นโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้ หลังรัฐบาลนำเงินคงคลังมาใช้ชดเชยการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐในปีงบประมาณ 52 ที่ต่ำกว่าเป้าหมายราว 1.2-1.3 แสนล้านบาท ย้ำว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในรุมเร้ายังไม่ใช่ปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) |
. |
นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ทางวิทยุเช้านี้ว่า รัฐบาลจะนำเงินคงคลังมาใช้จ่ายเพื่อชดเชยการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐในปีงบประมาณ 52 ที่ต่ำกว่าเป้าหมายราว 1.2-1.3 แสนล้านบาท ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดไว้ว่าการจัดทำงบประมาณครั้งต่อไปให้ตั้งงบประมาณมาชดเชยเงินคงคลังที่ใช้ไป อีกทั้งจะมีงบที่ใช้ชดเชยดังกล่าวปรากฎในงบกลางปีด้วย |
. |
"ส่วนของรายได้ที่ต่ำกว่าเป้าจะใช้เงินคลังตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เขียนไว้ว่าในการจัดทำงบประมาณครั้งต่อไปจะต้องตั้งบชดเชยในส่วนที่ใช้จากเงินคงคลัง" นายกรณ์ กล่าว |
. |
อนึ่ง ณ สิ้นเดือน พ.ย.51 เงินคงคลังอยู่ที่ 9.1 หมื่นล้านบาท รมว.คลัง กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวมีเจตนาที่จะสร้างวินัยการคลัง เพราะในอดีตไม่มีการกำหนดมาตรการใดๆ ให้รัฐบาลต้องชดเชยการนำเงินคงคลังมาใช้ และถึงแม้การจัดเก็บรายได้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็จะไม่สร้างผลกระทบต่อเพดานการก่อหนี้สาธารณะ แต่จะทำให้วงเงินงบประมาณที่จะจัดสรรให้กับโครงการต่างๆ ในปีงบประมาณ 2553 ถูกปรับลดลง |
. |
ทั้งนี้ รัฐบาลมีหลายช่องทางในการกู้ยืมเงิน เช่น การเข้าไปค้ำประกันเงินที่จะให้ ธ.ก.ส.นำมาใช้ดำเนินโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร, การกู้เงินจากต่างประเทศที่มีเพดานอยู่ที่ 10% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย เป็นต้น |
. |
รมว.คลัง ยอมรับว่า พันธกิจทางการคลังของรัฐบาลไม่ได้มีแค่งบกลางปี 1 แสนล้านบาท เพราะยังมีมาตรการทางภาษีที่ไม่ได้นำมารวมไว้กับงบกลางปี ส่วนการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศนั้นได้มีการประสานกับธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(ADB) และ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(JBIC)อย่างต่อเนื่อง |
.. |
สถาบันการเงินระหว่างประเทศดังกล่าวทุกรายก็ยินดีจะเข้ามาช่วยเหลือประเทศไทยในการเพิ่มปริมาณเงินในระบบ เพราะการออกพันธบัตรในประเทศไม่ได้ทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นแค่เปลี่ยนมือเท่านั้น โดยวงเงินกู้จากต่างประเทศที่กำหนดไว้คือ 1.83 แสนล้านบาทต่อปีนั้นยังมีวงเงินเหลืออยู่ราว 1.48 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใช้แน่นอน |
. |
สำหรับข้อเสนอของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ต้องอาศัยกลไกรัฐในการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากกว่าปกติ ไม่สามารถปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด หรือปล่อยให้มีการขับเคลื่อนโดยภาคเอกชนเพียงลำพัง |
. |
รมว.คลังย้ำไม่ใช่จังหวะเหมาะลด VAT-ข้อเสนอลดภาษีเงินได้ยังต้องดูรอบคอบ |
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ย้ำว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมในการพิจารณาปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ส่วนข้อเสนอปรับภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อให้อยู่ในระดับที่แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้นั้น ยังต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบก่อน |
. |
สำหรับการปรับลด VAT นั้น หลายประเทศได้ดำเนินการแล้วในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่พบว่าไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้เท่าที่ควร พร้อมมองว่าหากประเทศไทยจะปรับลด VAT เชื่อว่าจะไม่ส่งให้ราคาสินค้าปรับลดลงเท่าใดนัก อีกทั้งคงไม่สามารถเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนได้มากเท่าที่ควร ในทางกลับกันสิ่งที่จะได้รับผลกระทบชัดเจนกว่าคือรายได้ของภาครัฐที่จะลดลง |
. |
"บ้านเราภาษี VAT ก็ต่ำอยู่แล้ว ถ้าลดลงไปก็คงไม่ได้ส่งผลต่อราคาสินค้าให้ลดลงได้มากนัก หรือคงไม่ทำให้การบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้นมาก แต่ผลกระทบที่เห็นแน่ๆ คือรายได้ของภาครัฐที่ลดลง เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่จังหวะที่เหมาะ(ในการปรับลด VAT)" รมว.คลัง กล่าวในรายการโทรทัศน์เช้านี้ |
. |
นายกฯ เล็งกู้ ตปท.เพิ่มกระตุ้น ศก.-ใช้มาตรการภาษีช่วยผู้มีรายได้ประจำ |
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ภายใน 13-14 ม.ค.นี้ โดยมาตรการส่วนหนึ่งจะมีการใช้มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้ประจำ รวมทั้งมีการลดรายจ่ายให้กับผู้มีรายได้น้อย |
. |
ซึ่งลูกจ้างภาคเอกชนอาจจะอยู่ในส่วนของเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ขณะที่ลูกจ้างภาครัฐอาจจะช่วยเหลือในส่วนของเงินเพิ่มค่าครองชีพ นอกจากนั้น รัฐบาลยังมีแนวทางการกู้เงินจากต่างประเทศเพิ่มเติม โดยจะเน้นการนำมาใช้เฉพาะโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้ |