กระทรวงพาณิชย์เตรียมจัดเวิร์กชอป เชิญผู้ส่งออกสินค้าในสาขาต่าง ๆ ทั้งเกษตรและอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการธุรกิจบริการ มาหารือ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก่อนวางเป้าหมายการส่งออกปี 52
กระทรวงพาณิชย์เตรียมจัดเวิร์กชอป เชิญผู้ส่งออกสินค้าในสาขาต่าง ๆ ทั้งเกษตรและอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการธุรกิจบริการ มาหารือ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก่อนวางเป้าหมายการส่งออกปี 52 |
. |
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) วันที่ 7 ม.ค.52เชิญผู้ส่งออกสินค้าในสาขาต่างๆ ทั้งเกษตรและอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการธุรกิจบริการ มาหารือเพื่อสอบถามสถานการณ์ส่งออกปัจจุบัน รับฟังปัญหาและอุปสรรค และข้อเรียกร้องเร่งด่วน จากภาคเอกชน เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก่อนวางเป้าหมายการส่งออกปี 52 |
. |
"น่าจะเห็นภาพชัดเจนว่าการส่งออกในปีหน้าจะเป็นอย่างไร หากรู้ปัญหาผู้ส่งออก และมีการแก้ไข บวกกับมาตรการต่างๆ ที่ ก็จะรู้ว่าการส่งออกในปีหน้าจะผลักดันให้ขยายตัวได้หรือไม่" นางพรทิวากล่าว |
. |
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อหามาตรการฟื้นความเชื่อมั่น โดยจะเสนอให้รัฐบาลตั้งทีมเศรษฐกิจไทย ด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว และโรดโชว์ในต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนม.ค.-เม.ย.52 เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักธุรกิจต่างประเทศในการขยายการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว |
. |
โดยองค์ประกอบของทีมเศรษฐกิจไทยนั้น จะเสนอให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เป็นหัวหน้าทีม ร่วมด้วย รมว.พาณิชย์ ก.อุตสาหกรรม ก.ท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 3 กระทรวงเข้าร่วม และมีตัวแทนจากภาคเอกชน 3 สถาบันคือ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย และสภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยร่วมด้วย |
. |
สำหรับแนวทางการทำงานของทีมเศรษฐกิจไทย มีเป้าหมายเพื่อเดินทางไยังประเทศเป้าหมาย และเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี/รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของประเทศต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสถานการณ์ปัจจุบันของไทย เกี่ยวกับด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว จัดการสัมมนา-ปาฐกถาพิเศษ โดยมี นายกรัฐมนตรี/รองนายกรัฐมนตรีของไทย เผยแพร่ข้อมูลศักยภาพของไทย การสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนในไทย |
. |
"เป้าหมายของเรา จะมุ่งไปยังประเทศที่มีศักยภาพ ได้แก่ ญี่ปุ่น ตั้งเป้าจะเดินทางไปในช่วงปลายเดือนม.ค., จีน เดือนก.พ. โดยจะไปก่อนวันตรุษจีน ตามต่อด้วยประเทศในอาเซียน เช่น มาเลเซีย ตะวันออกกลาง และรัสเซีย ซึ่งจะเสนอให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และท่องเที่ยวและกีฬา รับทราบ จากนั้นจะเสนอให้รัฐมนตรีเสนอต่อรัฐบาลต่อไป ซึ่งหากเห็นชอบก็จะดำเนินการทันที" นายราเชนทร์กล่าว |
. |
ด้านนายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการททท. กล่าวว่า นักท่องเที่ยวในตลาดยุโรปได้กลับมาท่องเที่ยวไทยบ้างแล้ว แต่ตลาดที่ยังมีความอ่อนไหวอยู่ คือ ญี่ปุ่นและจีน มีนักท่องเที่ยวรวมกันมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี จึงจำเป็นต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นโดยเร็วที่สุด |
. |
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นหลังการปิดสนามบิน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หากไม่เร่งฟื้นความเชื่อมั่น นอกจากการลงทุนใหม่จะไม่เกิดขึ้นแล้ว การลงทุนที่มีอยู่อาจย้ายฐานไปลงทุนประเทศอื่นด้วย |
. |
"เราต้องย้ำให้นักธุรกิจนักลงทุนเข้าใจ ถึงความชัดเจนของรัฐบาล ว่าแม้จะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แต่ให้ความสำคัญกับนักลงุทน มีการออกมาตรการใหม่ๆ กระตุ้นการลงทุน ตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อกำหนดแผนรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่จะส่งผลกระทบต่อระบบการขนส่งของภาคธุรกิจ" นางอรรชกากล่าว |
. |
ทั้งนี้ สถิติการขอรับการส่งเสริมการลงทุนระหว่างม.ค.-25 ธ..ค.51 พบว่ามีการขอรับส่งเสริม 1,261 โครงการ เงินลงทุน 446,002 ล้านบาท ลดลง 36% ส่วนใหญ่เป็นการขอรับส่งเสริมในกลุ่มอุตสาหกรรมบริหารและสาธารณูปโภค 356 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 165,233 ล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักกรและเหล็ก 253 โครงการ มูลค่า 77,266 ล้านบาท ตามด้วยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 210 โครงการ มูลค่าลงทุน 68,620 ล้านบาท |