ก่อนหน้านี้ เชื่อว่าคุณผู้อ่านคงจะคุ้นเคยกับซิงเกิ้ลบอร์ดอย่าง Raspberry Pi และ Arduino ที่สามารถรันระบบปฏิบัติการ Linux กันมาแล้ว แต่ตอนนี้เรากำลังจะได้รู้จักกับ LattePanda บอร์ดรุ่นใหม่ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ความน่าสนใจที่ว่าก็คือ LattePanda จะติด ตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 (Full Edition) รวมทั้งมีเครื่องไม้เครื่องมืออย่าง Visual Studio, NodeJS และ Java ติดตั้งมาให้ใช้งานได้เลย โดยจะมีใช้ส่วน API ที่เตรียมมาให้พร้อมสำหรับนักพัฒนาสายไมโครซอฟต์ ที่สามารถใช้ภาษา C#, JavaScript, Ruby และอื่นๆ ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ตามความถนัด
LattePanda มีขนาด 3.5 x 2.8 นิ้ว ใช้ซีพียู Intel Atom x5-Z8300 Cherry Trail quad-core 1.8GHz, มีหน่วยความจำ RAM 2/4GB, หน่วยความจำ eMMC ขนาด 32/64GB, Wi-Fi, Bluetooth 4.0, สามารถใช้งาน Micro SD-Card, 3.5 mm Audio port, พอร์ต HDMI และ USB 2.0, USB 3.0 และมีไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino ติดตั้งมาพร้อมกับบอร์ด นอกจากนั้นยังมีจอสัมผัสและ Capacitve Touch ขนาด 7 นิ้ว เป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถซื้อต่อเพิ่มได้ด้วย ในขณะนี้ LattePanda อยู่ระหว่างเปิดรับพรีออเดอร์โดยมีราคาต่อบอร์ดอยู่ที่ 89 USD สำหรับบอร์ดรุ่นเล็ก (หน่วยความจำ RAM ขนาด 2GB และหน่วยความจำ Flash ขนาด 32GB)
In-Sight Micro 8000 เป็น smart camera สำหรับงานอุตสาหกรรมจาก Cognex ที่มีจุดเด่นตรงความเร็วในการจับภาพ และมีระบบประมวลผลภาพอยู่ภายในตัว จึงสามารถทำงานแบบ standalone ได้ไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องพีซี และจากตัวกล้องที่มีขนาดเล็ก (31×31×63 มม.) จึงสามารถติดตั้งในสายการผลิตได้ง่าย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจเข้าถึงได้ยาก
กล้องในตระกูลของ In-Sight Micro สามารถทำงานที่ความละเอียดภาพระดับ VGA, 1MP, 2MP และ 5MP โดยมีอัตราเร็วในการจับภาพสูงสุด (ของแต่ละความละเอียด) อยู่ที่ 200, 70, 53 และ 10 fps (เฟรมต่อวินาที) ตามลำดับ ที่ตัวกล้องมีช่องเสียบสายสำหรับใช้ต่อกับพอร์ตอีเทอร์เนต รองรับการมาตรฐาน Class 2 PoE (Power Over Ethernet) Type A และ Type B ในการติดตั้งจึงไม่มีสายไฟรุงรัง ตัวกล้องกินพลังงานสูงสุด 6.49 W ต่อ Class 2 PoE
การควบคุมและการตั้งค่าต่างๆ ของกล้อง สามารถทำโดยใช้ซอฟต์แวร์ In-Sight Explorer ซึ่งช่วยให้ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนั้นซอฟต์แวร์ดังกล่าวยังมีฟังก์ชัน PatMax RedLine ซึ่งช่วยในการทำ Fast pattern matching และมีเครื่องมืออื่นๆ สำหรับการประมวลผลภาพ เช่น blob detection, edge detection, defect detection, identification (1-D, 2-D และ OCR) ที่ใช้งานได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้จากเว็บไซต์ www.cognex.com
TABO หรือ Tablet Robot เป็นหุ่นยนต์ของเล่นไอเดียร์เท่ห์ๆ ที่พัฒนาขึ้นโดย Touch.plus ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศญี่ปุ่น หุ่นยนต์ที่ว่านี้มีขนาดเพียง 32 x 37 x 38 มม. และมีน้ำหนักเพียง 35 กรัม มีแบตเตอรี่ติดตั้งมาในตัวโดยสามารถทำงานได้นาน 30 นาที ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง กลไกการทำงานหลักก็มาจากแอพพลิเคชันที่ติดตั้งอยู่ใน iPad (iOS 9.1 หรือเวอร์ชั่นที่ใหม่ขึ้น) โดยในการเล่น TABO จะเคลื่อนไปมาอยู่บนจอทัชสกรีนตามการควบคุมของแอพ ผ่านทาง Bluetooth LE โดยที่ iPad จะรู้ตำแหน่งและทิศทางการหันหน้าของ TABO จากจุดสัมผัส 3 จุดที่เป็นล้อค้ำประคอง ด้วยหลักการอย่างง่ายๆ นี้เองที่ช่วยให้ TABO สามารถจะโต้ตอบกับผู้ใช้ได้แบบเรียลไทม์
ปัจจุบัน TABO สามารถทำงานได้ 3 อย่าง คือ TABO Pong เกมปิงปองระหว่าง TABO ที่ดวลกับผู้เล่นตัวต่อตัว, TABO Maze เป็นเกมเพื่อการศึกษาสำหรับสอนเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม และ TABO NOW เป็น แอพฯ บอกข่าวสารความเคลื่อนไหวของโลก นอกจากนั้นเรายังสามารถพัฒนาความสามารถใหม่ๆ ให้กับ TABO ได้จาก SDK ที่ผู้ผลิตพัฒนาขึ้นด้วย Objective-C และ Swift ได้อีกด้วย ลำพังการอธิบายด้วยข้อความออกจะสื่อสารถึงความสนุกได้ค่อนข้างลำบาก สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจคงต้องลองติดตามดูข้อมูลจาก Touch.plus เพิ่มเติมจากเว็บไซต์ http://tabo.touch.plus/en/
หลังจากประสบความสำเร็จกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตระกูล Roomba ที่ใครๆ ก็รู้จัก ก็ถึงเวลาที่ iRobot จะมีหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่น่าจะถูกใจหลายๆ คนอีกครั้ง นั่นคือ Braava jet หุ่นยนต์ถูพื้นสำหรับทำความสะอาดห้องต่างๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือแม้แต่ห้องน้ำ ตัวหุ่นมีขนาด 17 x 17.8 x 8.4 ซม. ทำให้สามารถแทรกตัวเข้าไปเช็ดถูในบริเวณที่มีเฟอร์นิเจอร์ ใต้โต๊ะ เก้าอี้ หรือฐานของโถสุขภัณฑ์ ในการใช้งานผู้ใช้เพียงแต่เติมน้ำลงยังถังเก็บน้ำภายในตัวหุ่น คลิปติดแผ่นผ้าถูพื้น จากนั้นก็เพียงแต่กดปุ่มเพื่อสั่งเริ่มทำงานเท่านั้น
แม้ว่าภายนอก Braava jet จะมีรูปร่างเรียบง่าย แต่ที่จริงแล้วเป็นการออกแบบที่ผ่านการคิดหลายๆ ประเด็นปัญหาที่ผู้ใช้อาจไม่ได้ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ เช่น ฮาร์ดแวร์ส่วนที่ใช้ถูพื้นไม่ใช้เพียงแต่ถูแบบผ่านๆ ไปเฉยๆ แต่จะมีการสั่น เพื่อช่วยให้คราบฝุ่นและความสกปรกหลุดออกง่ายขึ้น, ส่วนฉีดพ่นละอองน้ำที่พัฒนาจากหัวฉีดน้ำสำหรับล้างไฟหน้าในรถยนต์ BMW ที่มีอายุการใช้งานทนทาน, ระบบนำร่องเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ได้ทั่วทั้งห้อง ไม่ได้เป็นเพียงการวิ่งแบบสุ่ม แต่อาศัยการเก็บข้อมูลจากเซนเซอร์ที่ติดตั้งในตัวหุ่น ไม่ว่าจะเป็น ล้อวัดระยะทาง (wheel odometer), ไจโรมิเตอร์ (gyrometer) และเซนเซอร์จับการชน (bumper) เพื่อใช้สร้างแผนที่ รวมทั้งแบบจำลองของสภาพสิ่งแวดล้อม เช่น เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในห้อง
ส่วนของผ้าที่ใช้ถูพื้นเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง มีให้เลือก 3 ชนิด โดยการติดตั้งผ้าแต่ละชนิดเข้ากับตัวหุ่น จะเป็นการกำหนดโหมดของการทำความสะอาด ซึ่งมีอยู่ 3 โหมดเช่นกัน คือ Wet Mopping สำหรับการเช็ดพื้นที่มีรอยเปื้อนและคราบสกปรก, Damp Sweeping สำหรับเช็ดฝุ่นทำความสะอาดประจำวันโดยทั่วๆ ไป และ Dry Sweeping สำหรับการเช็ดฝุ่น ขนของสัตว์เลี้ยง เมื่อต้องการเปลี่ยนผ้าที่ผ่านการใช้งานไปแล้ว ผู้ใช้ก็เพียงแต่กดปุ่มปลดล๊อคเพื่อปล่อยทิ้งลงถังขยะโดยไม่ต้องจับถูกผ้าที่เปื้อนอยู่เลย
เพราะว่าใน Braava jet ไม่มีถังเก็บน้ำที่ใช้แล้วจากการเช็ดพื้น จึงไม่ต้องยุ่งยากกับการเทน้ำที่สกปรกทิ้งและไม่ต้องล้างทำความสะอาดถัง เหมือนอย่างรุ่นก่อน โดยการเติมน้ำเต็มความจุแต่ละครั้งจะใช้ทำความสะอาด พื้นที่ได้ 200 และ 150 ตารางฟุต สำหรับโหมดการถูพื้นแบบ Damp Sweeping, Wet mopping ตามลำดับ เมื่อเสร็จงานแล้ว หุ่นยนต์ก็จะกลับมายังแท่นชาร์จแบตเตอรี่เองอย่างอัตโนมัติ นอกจากนั้นยังมี ฟังก์ชัน virtual wall สำหรับป้องกันไม่ให้หุ่นยนต์ผ่านเข้าไปในพื้นที่บางส่วนของห้อง (เช่น พื้นที่ที่มีการปูพรม เป็นต้น) ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดได้เองอีกด้วย
