"อภิสิทธิ์" โปรยยาหอมรัฐบาลอภิประชานิยมแก้ปัญหาโดยคำนึกถึงความมั่นคงยั่งยืน และศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมชู 5 มาตรการพัฒนาพลังงาน
"อภิสิทธิ์" โปรยยาหอมรัฐบาลอภิมประชานิยมแก้ปัญหาโดยคำนึกถึงความมั่นคงยั่งยืนและศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมชู 5 มาตรการพัฒนาพลังงาน |
. |
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี |
. |
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เปิดงานสัมมนา Thailand Green Competitiveness and Rebranding ภายใต้กระแสความกังวลด้านสภาวะโลกร้อนประเทศไทย และธุรกิจไทยจะปรับยุทธศาสตร์เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างไร และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ประเทศไทย Thailand Green Strategy” จัดโดย คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ร่วมกับ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และภาคเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง |
. |
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานสัมมนาและปาฐกถาพิเศษในหัวข้อยุทธศาสตร์ประเทศไทยว่า หัวข้อของจัดประชุมสัมมนาในวันนี้ ถือเป็นหัวข้อที่มีความสำคัญ ไม่เพียงแต่ต่อการพัฒนาของประเทศไทยหรือของภูมิภาคเท่านั้น แต่มีความหมายสำคัญสำหรับประชาชนและพลเมืองทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ |
. |
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความตื่นตัวในเรื่องของปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า กำลังเป็นที่กังวลจากทุกๆ ฝ่ายและนำไปสู่ความพยายามที่จะรณรงค์ให้เกิดการปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาครัฐที่จะต้องมีการกำหนดนโยบายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับภาคเอกชนที่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการประกอบการและความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของโอกาส ความท้าทายทางธุรกิจจากความตื่นตัวดังกล่าว ไปจนถึงพฤติกรรมของประชาชนทั่วไปในฐานะผู้บริโภค |
. |
ปัญหาโลกร้อนหรือปัญหาสภาพภูมิอากาศนั้น เป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนต่างมีส่วนในการสร้างปัญหาไม่มากก็น้อย ที่ผ่านมาผู้นำในประเทศต่าง ๆ ได้พยายามหาทางแก้ไขแต่ก็ทำด้วยความยากลำบาก ในส่วนของประเทศไทยถือว่ายังโชคดีที่มีความอุดมสมบูรณ์ในด้านของทรัพยากรทางธรรมชาติ และมั่นใจว่าเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น |
. |
ปัญหาเรื่องความมั่นคงและความยั่งยืนทางพลังงานจะกลายเป็นปัญหาที่ทุกประเทศต้องให้ความสนใจ อย่างน้อยที่สุดประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ในภาคการเกษตรเพียงพอก็จะมีความมั่นคงทางด้านอาหาร ซึ่งประเทศไทยจึงต้องเร่งสนับสนุนในเรื่องประสิทธิภาพของผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะรับมือกับปัญหาความมั่นคงทางอาหารที่ทรัพยากรทางธรรมชาติไม่สิ้นเปลือง |
. |
รัฐบาลแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงความยั่งยืนและศักยภาพในเรื่องของการแข่งขันและความเติบโตทางภาคการเกษตร เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมหรือภาคบริการที่รัฐบาลพยายามให้ความสำคัญกับเรื่องของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การเพิ่มมูลค่า การใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น รวมถึงเรื่องขีดความสามารถทางการแข่งขัน และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง |
. |
นอกจากนี้ รัฐบาลได้กำหนดมาตรการในเรื่องของพลังงานหลายด้าน อาทิ 1. แผน พัฒนาพลังงานในประเทศไทยให้มีความมั่นคง 2. นโยบายด้านพลังงานทดแทนหรือพลังงานหมุนเวียนเข้ามาใช้ 3. กำกับดูแลราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีเสถียรภาพ เป็นธรรมต่อประชาชน 4. ส่งเสริมการอนุรักษ์และประหยัดพลังงานทุกภาคส่วน และ 5. ส่งเสริมการจัดหาและการใช้พลังงานที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม |
. |
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังมีงานอีกมากที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันทำ เพื่อรณรงค์ให้เศรษฐกิจของประเทศเป็นเศรษฐกิจที่มีโครงสร้างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ในส่วนของรัฐบาลจะกำหนดนโยบายที่มีความสอดคล้องกับเป้าหมาย ขณะที่หน่วยงานราชการต้องผลักดันนโยบายของรัฐบาลให้เกิดขึ้นจริง โดยผ่านกระบวนการของการปรึกษาหารือ ที่ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมสนับสนุนเศรษฐกิจที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น |
. |
ภาควิชาการต้องมีการวิจัย พัฒนาต่อยอด ให้ความรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ส่วนองค์กรพัฒนาเอกชน และภาคประชาชนก็มีส่วนสำคัญในการที่จะผลักดันให้เกิดนโยบายที่ดี และรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนได้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตหรือพฤติกรรมการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น |
. |
ตอนท้ายนายกรัฐมนตรี หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และเวทีที่ได้จัดขึ้นในวันนี้ จะเป็นตัวอย่างที่ดี ที่หลาย ๆ ฝ่ายจะได้ช่วยกันระดมความคิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อผลักดันให้นำไปสู่วัตถุประสงค์และเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ พร้อมขอบคุณทุกคนที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนในเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด |
. |
ที่มา : เว็บไซต์รัฐบาลไทย |