เนื้อหาวันที่ : 2009-12-04 11:09:52 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1170 views

รัฐคลอด 3 มาตรการเร่งสางปัญหามาบตาพุด

"อภิสิทธ์" เรียกถกกรณีปัญหามาบตาพุด เผยได้ข้อสรุป 3 ข้อเร่งแก้ปัญหา โยนก.อุตสาหกรรม-พลังงาน สำรวจข้อมูล ระบุกระทบต่อจีดีพีแต่ไม่ปรับเป้าแน่นอน

"อภิสิทธ์" เรียกถกกรณีปัญหามาบตาพุด เผยได้ข้อสรุป 3 ข้อเร่งแก้ปัญหา โยนก.อุตสาหกรรม-พลังงาน สำรวจข้อมูล ระบุกระทบต่อจีดีพีแต่ไม่ปรับเป้าแน่นอน

.

นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี 

.

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2552 เวลา 16.00 น. ณ ห้องประชุมศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานประชุมร่วมกับหน่ยงานที่เกี่ยวข้องกรณีปัญหามาบตาพุด ภายหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ให้ 65 โครงการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด  จังหวัดระยอง ระงับการดำเนินการชั่วคราว ตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ส่วนอีก 11 โครงการให้ดำเนินการต่อไปได้ 

.

ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐกรณีปัญหามาบตาพุด ว่า  สรุปผลการประชุมได้ 3 ข้อ คือ  1. คณะกรรมการ 4 ฝ่ายซึ่งมีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน  กำลังดูเรื่องระเบียบที่จะมารองรับมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ 2550  ซึ่งตามกำหนดที่ให้ไว้ ใช้เวลาอีกไม่นาน 

.

เพราะฉะนั้น ตรงนี้จะเป็นฐานซึ่งโครงการทุกโครงการที่ยังเป็นปัญหาในการดำเนินการ จะสามารถเข้ามาใช้ช่องทางนี้ได้เลย เมื่อใช้ช่องทางดังกล่าวและดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จสิ้น ก็สามารถที่จะไปขอศาลให้ไม่ถูกระงับโครงการ ประเด็นนี้เป็นหลักการที่ใหญ่ที่สุด  2.ที่ประชุมหารือกันว่า รัฐมีหน้าที่แจ้งให้ภาคเอกชนทราบถึงคำสั่งของศาล ซึ่งเป็นคำสั่งระงับ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แล้วต้องการให้เอกชนเคารพคำสั่งศาล 

.

และ 3. คือ ในส่วนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและการบริหารจัดการหรือจำกัดความเสียหาย รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่น ได้มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพลังงานไปทำรายละเอียดมาเป็นรายโครงการว่าแต่ละโครงการสถานะอยู่ที่ไหนอย่างไร แล้วมีปัญหาอะไร หรือได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างกับคำวินิจฉัยของศาล รัฐบาลจะได้ไปดูว่าจะบริหารจัดการจำกัดความเสียหายนี้อย่างไรบ้าง                

.

ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการที่ชัดเจนในการเข้าเยียวยาผลกระทบ นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ต้องไปสำรวจให้หมดก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเยียวยาเป็นอะไร เป็นเงินชดเชยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  ต้องให้สำรวจมาก่อน แล้วรัฐบาลจะพิจารณาอีกครั้ง

.

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของโครงการที่มีการจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ก่อนปี 2550 จะสามารถเดินหน้าโครงการได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  “ผมไม่ใช่ศาล” ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบหรือทำให้ต้องเปลี่ยนเป้าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)  หรือไม่  นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  “ก็มีกระทบบ้าง แต่ยังไม่มีการเปลี่ยนเป้าจีดีพีในปีนี้” 

.

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมได้พูดถึงประเด็นที่เอกชนอาจขาดความเชื่อมั่นจนมีการย้ายฐานการผลิตบ้างหรือไม่  นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  ได้มีการคุยกัน ซึ่งได้ขอให้มีการไปสำรวจเป็นรายโครงการมา

.

ต่อมาเวลา 19.30 น. ที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ   เขตหนองจอกนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ว่า ขอให้คณะกรรมการ 4 ฝ่ายไปทำโดยเร็วที่สุด คาดว่าใช้เวลา 2 สัปดาห์ ส่วนความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้มาก็ไม่ได้บอกให้ทำขัดกับรัฐธรรมนูญ

.

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดคุยกับเอกชนหรือไม่ต่อแนวทางที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้มา จะทำอย่างไรได้บ้าง นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  ยังไม่ไปถึงขั้นนั้น  ขอให้ไปสำรวจข้อเท็จจริงมาก่อน โดยเอกชนที่เหลือ 65 โครงการ เชื่อว่ามีความแตกต่างในเรื่องของข้อเท็จจริงอะไรที่คิดว่าศาลอาจจะมีคำสั่งที่จะยกเว้นหรือยกเลิกคำสั่งชั่วคราวเป็นรายกรณีได้ เอกชนก็สามารถเสนอไปได้           

.

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเอกชนไม่ดำเนินการตามกฎหมายจะมีมาตรการอย่างไร นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า คิดว่าต้องแจ้งตามคำสั่งศาล เมื่อเอกชนรับทราบคำสั่งศาลแล้ว เมื่อไม่ทำตาม  เราก็จะมีเหตุผลในการดำเนินการ

.
ที่มา : เว็บไซต์รัฐบาลไทย