เนื้อหาวันที่ : 2009-12-03 09:56:30 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 600 views

กนง.ยันคงอาร์/พีที่ 1.25% หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว

ไพบูลย์ เผยที่ประชุมกนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เชื่อเป็นระดับที่เหมาะสมเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

.

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 1 วัน ไว้ที่ 1.25% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากเห็นว่า ดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม และเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

.

ทั้งนี้ กนง.จะพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยให้เข้าสู่ภาวะปกติ เมื่อมั่นใจว่าเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวอย่างมั่นคงแล้วอย่างแท้จริง คือการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว โดยประเมินว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น จำเป็นต้องได้รับแรงสนับสนุนเป็นพิเศษ จากนโยบายการคลังและนโยบายดอกเบี้ยต่ำต่อไป

.

ทั้งนี้ ภาครัฐจะต้องพยายามเร่งการเบิกจ่ายเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ เพราะหากแรงผลักดันจากนโยบายการคลังลดลง จะเป็นผลลบกับเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงของการเริ่มฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ดี กนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ต่อเนื่อง นอกจากนั้น แม้ดอกเบี้ยของไทยจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังไม่เห็นสัญญาณการเกิดภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของไทย

.

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปซึ่งเริ่มปรับตัวเป็นบวกอีกครั้งหลังจากติดลบตั้งแต่ช่วงต้นปีโดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน แต่ก็ยังไม่เป็นปัญหาเรื่องอัตราเงินเฟ้อ นอกจากนั้น กรณีการลดค่าเงินของเวียดนาม และปัญหาหนี้สินของดูไบ กนง.ประเมินว่ายังไม่ใช่ปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทย และต่อการดำเนินนโยบายในขณะนี้

.

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า กรณี กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.25% ถือเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ทรงตัวไม่ได้สูงมาก โดยเป็นผลมาจากราคาสินค้าปรับระดับสูงขึ้น แต่ขณะที่ขนาดความต้องการของผู้บริโภคยังอ่อนแรง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการอุปโภคบริโภคยังไม่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จึงไม่มีเหตุจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับปัจจุบัน

.

นายเฟรเดอริค นูแมนน์นักเศรษฐศาสตร์เอชเอสบีซี กล่าวว่า ธปท.ไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้เนื่องจาก การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ยังคงมีความเปราะบาง ประกอบกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยในเดือน พ.ย.อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ 1.9%

.

ขณะที่ธปท.คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั้งปีนี้จะติดลบอยู่ที่ระดับ 1.5% ทั้งนี้ ในช่วงเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมาถึงเดือนเมษายนปีนี้ ธปท.ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาแล้ว 2.5% มาสู่ระดับ 1.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำ สุดนับแต่เดือน ก.ค.ปี 2547