อภิสิทธิ์ ยันพร้อมรับรายงานผลการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ย้ำไม่ใช้นโยบายค่าเงินบาทอ่อน หวั่นเกิดวิกฤตซ้ำรอยปี 40 มั่นใจเศรษฐกิจไทยยังขับเคลื่อนไปได้
อภิสิทธิ์ ยันพร้อมรับรายงานผลการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ย้ำไม่ใช้นโยบายค่าเงินบาทอ่อน หวั่นเกิดวิกฤตซ้ำรอยปี 40 มั่นใจเศรษฐกิจไทยยังขับเคลื่อนไปได้ |
. |
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี |
. |
วันที่ 29 พ.ย. เวลา 09.50 น. ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ที่ประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศแสดงความเป็นห่วงว่าถ้าขาดความปรองดองในประเทศจะเป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ว่า จากการบริหารที่ทำมาจากนโยบายต่างๆ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็ปรากฏว่าชัดเจนขึ้น |
. |
แต่เมื่อมีความหวั่นเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายก็ย่อมเกิดผลกระทบต่อความรู้สึกของนักลงทุนและคนที่มองมาจากข้างนอก โดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นเคยกับหลายอย่างในประเทศไทย ซึ่งตนก็พยายามไปอธิบาย แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือเราต้องช่วยกันขจัดเงื่อนไขต่างๆ |
. |
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะยืนยันได้หรือไม่ว่าประเทศไทยจะไม่กลายเป็นประเทศที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนยืนยันว่าตอนนี้ไทยขับเคลื่อนไปได้มาก และเราได้ทำหน้าที่เป็นประธานและตัวแทนของอาเซียนในเวทีสำคัญๆ ในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งอาเซียนก็มีความเข้มแข็งขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะไทยมีส่วนสำคัญในการผลักดันตรงนี้ และหลายประเทศได้แสดงออกยอมรับตรงนี้ |
. |
ต่อข้อถามว่า ที่ประชุมหอการค้าทั่วประเทศยังระบุว่าการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยทำให้แผนพัฒนาเศรษฐกิจของไทยไม่ก้าวหน้าหรือไม่เดินไปสู่จุดที่ควรจะเดินไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นไปตามเงื่อนไขของระบอบประชาธิปไตย ก็ไม่เป็นปัญหา ไป |
. |
เราต้องยอมรับถ้าตัวแทนของประชาชนอยากจะเปลี่ยนนโยบาย ก็ย่อมทำได้ แต่ไม่ควรจะเปลี่ยนนโยบายบ่อย ยกเว้นเป็นนโยบายที่เสียหาย โดยรัฐบาลชุดนี้ได้ทำให้เห็นแล้วว่านโยบายหรือโครงการใดที่มีวัตถุประสงค์ที่ดีและพอเดินไปได้ เราก็สานต่อ แต่เราได้เติมเรื่องใหม่ ๆเข้า |
. |
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เราก็เชื่อว่าได้วางรากฐานไว้ในหลายเรื่องซึ่งคงจะเปลี่ยนแปลงยาก เช่น นโยบายด้านการศึกษา นโยบายไทยเข้มแข็ง นโยบายเรื่องของสวัสดิการ เป็นต้น ซึ่งตนไม่คิดว่าพรรคการเมืองอื่นๆ จะเข้ามาเปลี่ยน แต่ถ้าจะเปลี่ยนก็ขอให้ประกาศให้ชัดเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจได้ |
. |
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าแม้จะมีปัจจัยลบทางการเมือง แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสต่อไปตามที่คาดไว้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนยังมั่นใจว่าเป็นบวก โดยปีนี้ติดลบอยู่ประมาณร้อยละ 3.5 -3 และปีหน้าจะเติบไปอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ซึ่งตนมั่นใจว่าทำได้ อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูเศรษฐกิจของโลกยังเปราะบางอยู่ในบางจุด |
. |
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกรณีการลดค่าเงินของประเทศเวียดนาม ตนคิดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบมาก และในภาพรวมในแง่ของการฟื้นตัวของหลายประเทศในภูมิภาคโดยเฉพาะในเอเชียก็มีความชัดเจน |
. |
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นห่วงว่าจะเกิดภาวะฟองสบู่แตกในประเทศจีน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความเสี่ยงอยู่ในบางพื้นที่หรือบางภูมิภาค แต่ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าประเทศจีนมีวิธีบริหารจัดการที่ดีพอสมควรเมื่อเกิดปัญหาขึ้น โดยมีช่วงเวลาสั้นที่เกิดปัญหากับตลาดทุน เขาก็บริหารจัดการได้ดี |
. |
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมหอการค้าทั่วประเทศจะส่งรายงานสรุปผลการสัมมนาให้กับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังมีการนัดหมายกัน ทั้งนี้ รัฐบาลนำมาใช้ประโยชน์อยู่แล้ว และเราเป็นรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมประชุมทุกเดือนอยู่แล้วในรูปของคณะกรรมการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ดังนั้นเราจึงรับรู้และรับทราบถึงปัญหาต่างๆอยู่ตลอด |
. |
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาคเอกชนเสนอให้ใช้นโยบายค่าเงินบาทอ่อน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายเราให้อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราไม่แกว่งตัวมาก แต่เราไม่สามารถกำหนดค่าเงินของเราได้ มิฉะนั้นเราจะย้อนไปสู่ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 หรืออาจเป็นในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งแต่ไม่เป็นผลดี เพราะฉะนั้น เราจึงพยายามไม่ให้แกว่งตัวมาก |
. |
ขณะเดียวกัน เราได้ใช้เวทีในต่างประเทศเรียกร้องให้ประเทศที่เป็นสาเหตุของปัญหาค่าเงิน ไปแก้ปัญหาความสมดุลตรงนั้นให้ได้ ทั้งนี้ เราจะต้องเปรียบเทียบค่าเงินของเรากับของประเทศที่แข่งขันกับเรา ยกเว้นกรณีของเวียดนามที่เกิดการลดค่าเงินของเขา |
. |
ซึ่งการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทของเราเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆในภูมิภาค จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน แต่เนื่องจากในการค้าจะอยู่ในรูปของเหรียญสหรัฐฯ จึงได้รับความเดือดร้อนกัน ขณะที่รัฐมนตรีคลังของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ประกาศว่าจะพยายามทำให้ค่าเงินของเขาแข็งขึ้น และจะมีประเด็นเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนของจีน ซึ่งในตอนนี้เป็นที่รับรู้และยอมรับกันมากขึ้นในเวทีต่างประเทศ |
. |
นอกจากนี้ ผู้ส่งออกต้องพยายามที่จะมีวิธีการลดความเสี่ยงของตัวเองในเรื่องนี้ ทั้งนี้ยอมรับว่าถ้าจีนลดค่าเงินหยวนอ่อนลง ก็มีผลกระทบต่อไทย เช่น เรื่องของราคาน้ำมัน ซึ่งตนจะให้นำประเด็นผลกระทบจากกรณีของเวียดนามและดูไบเข้าสู่ของที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องทำอะไรบ้าง |
. |
ที่มา : เว็บไซต์รัฐบาลไทย |