ทีดีอาร์ไอ เผยธุรกิจไทยในตลาดหลักทรัพย์กระจุกตัว ส่อผูกขาด-ไม่แข่งขัน รัฐวิสาหกิจแชร์รายได้กว่าครึ่ง ซัดผู้บริหารภาครัฐนั่งเก้าอี้กรรมการรัฐวิสาหกิจรักษาผลประโยชน์ใคร
ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารและจัดการระบบเศรษฐกิจ "ทีดีอาร์ไอ" เผยธุรกิจไทยในตลาดหลักทรัพย์กระจุกตัว ส่อผูกขาด-ไม่แข่งขัน รัฐวิสาหกิจในตลาดหลักทรัพย์มีรายได้รวมเกินครึ่งของรายได้รวมทั้งตลาด ตั้งคำถามบิ๊กผู้บริหารภาครัฐมานั่งเก้าอี้กรรมการรัฐวิสาหกิจรักษาประโยชน์ใคร จี้แก้กฎหมายก่อนธุรกิจเล็กหายไป |
. |
เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ |
ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย |
. |
(25 พ.ย. 52) เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) นำเสนองานวิจัยเรื่อง การผูกขาดกับความเหลื่อมล้ำในภาคธุรกิจ ในการสัมมนาวิชาการของทีดีอาร์ไอประจำปี 2552 หัวข้อ การปฎิรูปเศรษฐกิจเพื่อความเป็นธรรมในสังคม ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ |
. |
โดยระบุว่า เมื่อดูเฉพาะรายได้ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ในภาคธุรกิจไทย พบว่ามีการกระจุกตัวรุนแรงมากขึ้น โดย 80% ของบริษัท มีรายได้รวมคิดเป็น 10% ของตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่บริษัทที่เหลือ 20% มีรายได้คิดเป็น 80% ของตลาดฯ |
. |
ทั้งนี้ เมื่อดูลักษณะของธุรกิจขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งข้อสังเกต 3 ข้อคือ 1.รัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีรายได้รวมคิดเป็น 52.1% ของรายได้รวมของตลาดหลักทรัพย์ โดยกลุ่ม ปตท. มีสัดส่วนรายได้สูงถึง 45.6% ของรายได้รวมของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด |
. |
2.ส่วนใหญ่อยู่ใน non-traded sector หรือเป็นบริษัทที่แข่งขันในตลาดในประเทศ อาทิ ธุรกิจธนาคาร พลังงาน ก่อสร้าง ภาคบริการ ซึ่งการแข่งขันจะน้อย เพราะต่างชาติเข้ามาลงทุนไม่ได้ และการแข่งขันขึ้นอยู่กับกฎกติกาของรัฐ เช่น หากกติกาเอื้อ ก็ทำกำไรมาก 3.บริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทในเครือธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีปัญหาในด้านการแข่งขัน เพราะมักมีสินค้าหลายตัว ทำให้อุดหนุนไขว้ระหว่างสินค้าได้ เป็นสินค้าครบวงจร |
. |
ทั้งนี้ แม้ว่า ไทยมี พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 แต่บังคับใช้ได้น้อย เนื่องจากผู้ที่ถูกร้องเรียนมักเกี่ยวข้องกับนักการเมือง โดยตลอด 10 ปีที่บังคับใช้กฎหมาย ยังไม่เคยมีการดำเนินคดีกับบริษัทใด ยกเว้นบริษัทต่างชาติหนึ่งแห่ง นอกจากนี้ หลายกรณีรัฐสร้างการผูกขาดเอง |
. |
เช่น การผูกขาดโดยรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นผลจากนโยบายของรัฐเอง เช่นกรณีสัมปทาน อสมท., TOT รวมถึงมีการผูกขาดโดยนโยบาย กฎ หรือระเบียบของรัฐ เช่น การจำกัดการนำเข้าสินค้าหรือการกำหนดโควต้า การกำหนดอัตราภาษีศุลกากร |
. |
เดือนเด่น กล่าวถึงอุปสรรคในการป้องกันการผูกขาดโดยรัฐวิสาหกิจว่า คือ การที่ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าไม่บังคับใช้กับรัฐวิสาหกิจ ทำให้ฟ้องไม่ได้ ขณะที่คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ ทั้งด้านนโยบาย การกำกับดูแล และกฎหมาย อาทิ กรรมการกฤษฎีกา เลขาสภาพัฒน์ |
. |
ซึ่งเธอตั้งคำถามว่า คนเหล่านี้มีบทบาททับซ้อนกันหรือไม่ เมื่อนั่งอยู่ทั้งในบทรักษาประโยชน์สาธารณะและผลประโยชน์รัฐวิสาหกิจ จะรักษาประโยชน์ใคร |
. |
เดือนเด่น กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำนี้หากปล่อยไว้จะทำให้พื้นที่ธุรกิจขนาดเล็กลดลง จึงเสนอให้รัฐดำเนินการปรับปรุงการทำงานของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า สร้างกระบวนการร้องเรียนที่มีความโปร่งใสและควรแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 ให้แปรสภาพเป็นหน่วยงานอิสระ |
. |
ยกเลิกการผูกขาดของรัฐวิสาหกิจ กำหนดขั้นตอนในการออกกฎ กติกา ในการกำกับดูแลของภาครัฐให้มีความรัดกุม ชัดเจนและโปร่งใส รวมถึงมีระบบการประเมินผลกระทบของกฎ ระเบียบของภาครัฐเพื่อปรับปรุงแก้ไขด้วย |
. |
ที่มา : เว็บไซต์ประชาไท |