เนื้อหาวันที่ : 2009-11-18 15:47:38 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1572 views

ไมโครซอฟท์เปิดตัวโซลูชั่นไอทีสำหรับภาคธุรกิจ ‘The New Efficiency’

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เปิดตัวซอฟต์แวร์โซลูชั่นส์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The New Efficiency หวังช่วยหนุนให้เกิดการใช้เทคโนโลยีในการเร่งให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

.

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เปิดตัวซอฟต์แวร์โซลูชั่นส์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The New Efficiency หวังช่วยหนุนให้เกิดการใช้เทคโนโลยีในการเร่งให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

.

โซลูชั่น The New Efficiency ที่ประกอบด้วย Windows 7, Microsoft Windows Server 2008 R2 และ Microsoft Exchange Server 2010 จะช่วยนำพาธุรกิจในประเทศไทยไปสู่ยุคใหม่ของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ การจัดการค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม และ การทำงานที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น 

.

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวซอฟต์แวร์โซลูชั่นส์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The New Efficiency เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีในการเร่งให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้เร็วยิ่งขึ้น โซลูชั่นส์ทางธุรกิจดังกล่าวจะช่วยพลิกโฉมไอทีให้กลายเป็นทรัพย์สินสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัย และลดค่าใช้จ่ายลง โดยที่ไม่ต้องลดการบริการให้กับลูกค้า หรือ จำกัดกรอบความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานของพนักงาน หรือลดประสิทธิภาพการทำงานลง

.
แนวคิดทางไอทีรูปแบบใหม่ ลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพ

‘The New Efficiency’ รวบรวมผลิตภัณฑ์ชั้นนำทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ เข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ Microsoft Windows 7
Microsoft Windows Server 2008 R2 และ Microsoft Exchange Server 2010 เพื่อเป็นตัวช่วยให้องค์กรธุรกิจในประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย:

.
- ลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่าย
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานและลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ
- ยกระดับการทำงานและความน่าเชื่อถือ
- ปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัย
- บรรลุผลสำเร็จเร็วยิ่งขึ้นด้วยนวัตกรรมล่าสุด
.

ในงานเปิดตัวซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีและนักบริหารธุรกิจเข้าร่วมงานจำนวนมาก นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ขณะนี้ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างก็กำลังฟื้นตัวจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ไมโครซอฟท์จึงได้นำเสนอเทคโนโลยีและบริการต่างๆ ที่จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจสามารถปรับตัวได้เร็วยิ่งขึ้น

.

เราเชื่อว่า Microsoft Windows 7 Microsoft Windows Server 2008 R2 และ Microsoft Exchange Server 2010  จะช่วยให้องค์กรและบริษัทต่างๆ สามารถจัดการกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ด้วยการลดค่าใช้จ่ายและเสริมสร้างการทำงานให้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น ปีนี้นับเป็นปีที่น่าตื่นเต้นของไมโครซอฟท์ ทั้งจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ และจากวิสัยทัศน์ในการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งจะช่วยวางรากฐานของไมโครซอฟท์ในภูมิภาคในช่วง 2 ปีต่อจากนี้”

.
กรณีศึกษาจากคู่ค้าและลูกค้าของไมโครซอฟท์

องค์กรในประเทศไทยที่ได้ทดลองใช้เทคโนโลยีของไมโครซอฟท์เป็นลำดับแรกๆ ซี่งได้แก่ Microsoft Windows 7 Microsoft Windows Server 2008 R2 และ Microsoft Exchange Server 2010 คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟเซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท เอ็นโอเค พรีซิชั่น คอมโพเน้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ซีเมนส์ ประเทศไทย จำกัด          

.

นอกจากนี้ ยังมีคู่ค้าของไมโครซอฟท์ ทั้ง เอเซอร์ เดลล์ และ เอชพี มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีโซลูชั่นส์ของไมโครซอฟท์และประโยชน์ต่างๆที่เกิดขึ้นต่อธุรกิจของพวกเขา

.

“คู่ค้าของเรามีความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะช่วยลูกค้าให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ พวกเขาได้รับการอบรมจากไมโครซอฟท์เกี่ยวกับเทคโนโลยี Microsoft Windows Server 2008 R2 และ Microsoft Exchange Server 2010 และด้วยการสนับสนุนที่ดียิ่งจากพวกเขา ได้ช่วยก่อให้เกิดระบบนิเวศน์ทางไอทีของ Exchange 2010                                    

.

นอกจากนี้ ลูกค้ายังแสดงให้เห็นถึงผลตอบรับที่น่าประทับใจโดยสามารถช่วยลูกค้าลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าร้อยละ 70 อีกทั้งประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานยังเพิ่มขึ้นโดยสามารถทำงานได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยการลดความยุ่งยากจากการใช้งานอินบ็อกซ์ และช่วยให้การสื่อสารราบรื่นยิ่งขึ้นด้วยอินบ็อกซ์ที่ผสานการทำงานทุกอย่างไว้ด้วยกัน” นางสาวปฐมา กล่าวเสริม

.

นายอลัน เจียง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “นอกจากผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กในกลุ่มคอนซูมเมอร์ที่เรามียอดขายเป็นอันดับ 1 แล้ว เอเซอร์ยังให้ความสำคัญกับการเป็นผู้นำฮาร์ดแวร์ในกลุ่มคอมเมอร์เชียล เอเซอร์มีผลิตภัณฑ์ที่ครบสมบูรณ์  ไม่ว่าจะเป็นเอเซอร์ แทบเลต โน้ตบุ๊ก, ทราเวล เมท ไทม์ไลน์,  เวอร์ริตอน เดสก์ท๊อป, เซิร์ฟเวอร์,  สตอเรจ,  จอแอลซีดี และโปรเจคเตอร์  ด้วยคอนเซ็ปต์ แอบโซลูท พาวเวอร์ แอนด์ เพอร์ฟอร์แมนส์ (Absolute Power & Performance)  

.

ผลิตภัณฑ์ของเราพร้อมรองรับการทำงานกับวินโดว์ 7 และโซลูชั่นส์ต่างๆ ของไมโครซอฟท์ ที่เหมาะกับลูกค้าระดับองค์กร  เอเซอร์ แทบเลต โน้ตบุ๊ก มาพร้อมกับระบบทัชกรีน และทราเวลเมท ไทม์ไลน์ ที่มีความบางเบา และอายุการใช้งานแบตเตอรี่มากกว่า 8 ชั่วโมง เราได้ผสมผสานอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ให้ทำงานในรูปแบบโซลูชั่น โดยให้คำปรึกษาและออกแบบเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มองค์กรธุรกิจ  เรามั่นใจว่าโซลูชั่นของเราจะได้รับการตอบรับที่ดีและเป็นตัวเลือกขององค์กรธุรกิจและนำไปสู่ประสิทธิภาพในการทำงาน”

.

“ลูกค้าของเราตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการเปิดตัวของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 ทั้งเดลล์และไมโครซอฟท์มีความร่วมมือที่ดีเยี่ยมตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาดว่า เดลล์มีระบบมากกว่า 80 ระบบที่แตกต่างกันในการรองรับงาน วินโดวส์ 7 และสามารถทำงานได้ดีบนสายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเดลล์ ทั้งแลปท็อป Latitude เดสก์ท็อป OptiPlex และเวิร์กสเตชัน Dell Precision

.

รวมถึงแลปท็อปในไลน์ Vostro และสายผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค อย่าง Studio และ Alienware โดยเราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ต่อไปเพื่อที่จะได้สร้างให้วินโดวส์ 7 ประสบผลสำเร็จอย่างสูงสุด” นายอโณทัย  เวทยากร กรรมการผู้จัดการ  บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

.

ในฐานะที่เป็นคู่ค้าประเภท Gold Certified Partner ของไมโครซอฟท์ เดลล์ยังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นของ Microsoft Exchange Server ให้แก่ลูกค้าระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ เพื่อช่วยให้พวกเขามีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิผล ด้วยการเปิดตัว Microsoft Exchange Server 2010     

.

เดลล์ได้จัดวางสถานะของตนเองในการช่วยลูกค้าให้สามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นส์และฟีเจอร์ต่างๆ ได้อย่างเต็มศักยภาพ ทำให้พวกเขาสามารถจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและพัฒนาทางด้านการสื่อสาร

.

นอกเหนือจากการเป็นผู้ทดลองใช้วินโดวส์ 7 ในลำดับแรกๆ แล้ว เดลล์มีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นในการช่วยองค์กรธุรกิจย้ายระบบงานไปสู่ระบบปฎิบัติการใหม่ Microsoft Windows Server 2008 R2 ได้โดยสะดวกราบรื่น ซึ่งคุณสมบัติใหม่นี้จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ เดลล์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในบริษัทรายแรกๆ ที่นำเสนอบริการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ          

.

รวมถึงไดร์เวอร์ต่างๆ เพื่อช่วยลูกค้าย้ายสู่ระบบงานใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เราใช้เวลาหลายพันชั่วโมงในการทดสอบและทดลองการใช้งานจริงของ Windows Server 2008 R2 เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับใช้ระบบงานใหม่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมั่นใจได้ว่าเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge ของเดลล์สามารถรองรับการทำธุรกิจได้ในทันที

.

ไมโครซอฟท์ได้พัฒนา Windows Server 2008 R2 โดยใช้ฐานของ Windows Server 2008 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับรางวัล โดยการขยายขอบเขตเทคโนโลยีที่มีอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังเพิ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายลงและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น เครื่องมือเวอร์ชวลไลเซชั่นใหม่ Web resources การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ และวินโดวส์ 7 จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพและความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กรของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

.

ในโอกาสเดียวกันนี้ ไมโครซอฟท์ ยังได้เปิดตัว Exchange 2010 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของโซลูชั่นส์ enterprise messaging และ collaboration ผลิตภัณฑ์ประเภท Exchange เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาด และได้กลายมาเป็นรากฐานสำคัญสำหรับวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ทางด้านผลิตภัณฑ์ประเภท       Unified communications ด้วยทางเลือกในการนำมาใช้งานและการจัดเก็บ          

.

ผนวกกับความสามารถที่เพิ่มมากขึ้นในการจัดการอินบ็อกซ์ และแฟ้มเก็บอีเมล์แบบบิวท์-อิน Exchange 2010 ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถลดค่าใช้จ่าย และยกระดับการทำงานและเสถียรภาพในการทำงานไปสู่อีกระดับหนึ่ง ลูกค้ายังสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของวอยซ์เมลแบบเดิมๆ ได้ด้วยระบบวอยซ์เมลใน Exchange 2010 ซึ่งใช้การทำงานแบบ unified messaging

.

ในความเป็นจริงแล้ว การศึกษาของ Forrester ได้ระบุว่า ลูกค้าจะได้รับผลตอบแทน ROI มากกว่าร้อยละ 40 ในเวลาไม่ถึง 6 เดือน ด้วยการอัพเกรดผลิตภัณฑ์เป็น Exchange 2010 หรือ Windows Server 2008 R2         

.

ในขณะเดียวกัน ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้วกับกลุ่มลูกค้าทั่วไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา ก็ได้รับการนำเสนอต่อกลุ่มองค์กรธุรกิจและเอ็นเตอร์ไพรซ์เช่นเดียวกัน โดยได้นำเสนอประสบการณ์ในอีกระดับหนึ่งของแอพพลิเคชั่น การบริการ และอุปกรณ์ต่างๆ การใช้งานที่ง่ายขึ้นและฟีเจอร์ใหม่ๆ จะช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน หรือเก็บข้อมูลสำคัญไว้ที่ใด

.
The New Efficiency กลยุทธ์สำหรับสภาวะการทำงานในยุคใหม่

 แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ ‘สภาวะการทำงานในยุคใหม่’ มันยังมีสัญญาณที่ดีที่ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะกลับคืนมาอีกครั้งในหลายประเทศทั่วโลกในปีหน้า ในการขับเคลื่อนการเติบโตดังกล่าว ภาคธุรกิจทั่วโลกกำลังเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี ซึ่งจะก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและการแพร่หลายของนวัตกรรมใหม่ๆ

.

“สำหรับไมโครซอฟท์ นี่เป็นมากกว่าการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์วินโดวส์ แต่มันเกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ และการมีส่วนร่วมกับคู่ค้า ลูกค้า และ รัฐบาล ในระดับภูมิภาค เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม” นางสาวปฐมากล่าว

.

“The New Efficiency ไม่เพียงแต่ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ทางเศรษกิจในปัจจุบันได้เท่านั้น แต่ยังช่วยวางรากฐานของระบบและโซลูชั่นต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ในรูปแบบใหม่ได้เช่นกัน

.

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จำนวนมากที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่องค์กรต่างๆ ได้นำเสนอความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเดิมๆ และทำหน้าที่เป็นแรงกระตุ้นสำหรับธุรกิจใหม่ๆ รวมไปถึงอุตสาหกรรมใหม่ๆ”