เนื้อหาวันที่ : 2009-11-17 10:20:11 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1180 views

มาร์คย้ำรัฐบาลจะเข้าเป็นหุ้นส่วนของเอกชน ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

อภิสิทธิ์ ยันมั่นใจตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นบวก พร้อมเดินหน้าปรับปรุงและวางแผนรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

นายกรัฐมนตรีปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "อนาคตไทย...ภายใต้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง" มั่นใจตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นบวก พร้อมเดินหน้าปรับปรุงและวางแผนรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

 
 

นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี

 

เมื่อที่ 16 พ.ย. 2552 เวลา 13.00 น. ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่น บี 2 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "อนาคตไทย...ภายใต้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง"  จัดโดยบริษัท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  

 

ดร.สถิตย์  ลิ่มพงศ์พันธุ์  ประธานกรรมการ  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานว่า  ธนาคารกรุงไทยในฐานะเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของรัฐ  ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดมา   ได้ตระหนักถึงยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาลในการปรับโครงสร้างการฟื้นฟูเศษฐกิจภายใต้โครงการแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555

 

 ธนาคารได้จัดให้มีโครงการสินเชื่อเพื่อรองรับแผนดังกล่าวในโครงการสินเชื่อก่อสร้างไทยเข้มแข็ง  ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการก่อสร้างได้มีโอกาสในการแข่งขันเข้าประมูลงานก่อสร้างได้มากขึ้น  โดยสามารถออกหนังสือค้ำประกันด่วนภายใน 1 วัน และสินเชื่อด่วนภายใน 15 วันแก่ผู้รับเหมาที่ประมูลงาน 

 

สำหรับการจัดปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "อนาคตไทย...ภายใต้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง"  ในวันนี้เป็นกิจกรรมที่สำคัญของธนาคารในการสนับสนุนโครงการของรัฐบาลเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสดงความคิดเห็นที่ชี้ให้เห็นถึงผลของแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่มีต่ออนาคตของประเทศไทย รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะที่จะช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากแผนนี้อย่างเต็มที่ 

 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ สรุปว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก  โดยมุ่งในเรื่องการรักษากำลังซื้อของประชาชนเป็นหลัก  ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงพืชผลทางการเกษตร เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรจำนวนมาก  การช่วยเหลือผู้ว่างงานผ่านโครงการต้นกล้าอาชีพ  

 

การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในโครงการเช็คช่วยชาติ  การลดภาระค่าใช้จ่ายหรือเสริมรายได้ให้ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ผ่านนโยบายการศึกษาฟรี 15 ปี   โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ  รวมไปถึงมาตรการลดภาระค่าน้ำ  ค่าไฟ  ค่าเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง 

 

ทั้งนี้  มาตรการที่รัฐบาลได้ดำเนินการและปัจจัยอื่น ๆ ช่วยทำให้เราสามารถหยุดยั้งภาวะการหดตัวของเศรษฐกิจได้  ควบคู่ไปกับการบรรเทาผลกระทบต่าง ๆ ที่หลายฝ่ายวิตกกังวลกันมาก  ซึ่งในที่สุดภาวะคนว่างงานขณะนี้ได้เริ่มลดลงแล้ว   แต่มาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องต่อไป  และมีความพร้อมในการแข่งขันกับคู่แข่งทั้งหลายในเศรษฐกิจโลกในอนาคต

 

ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ผลักดันให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง  นั่นคือใน 3 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนครั้งใหญ่ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ  ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 ล้านตำแหน่งในอีก 3 ปีข้างหน้า  ที่สำคัญจะมีส่วนในการที่จะเพิ่มการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยประมาณเฉลี่ยน่าจะเพิ่มขึ้นได้ประมาณร้อยละ 1.3 ต่อปีใน 3 ปีข้างหน้านี้    

 

นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  เรากำลังใช้โอกาสนี้ในการแก้ไขสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของเศรษฐกิจไทย  ซึ่งประสบมาจากการที่คนภายนอกประเมินขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ  และจากการสัมผัสกับการร้องเรียนและการสะท้อนปัญหาของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ  เช่น  การลงทุนในเรื่องแหล่งน้ำที่มีค่อนข้างน้อย  ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการเกษตร   โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องของความมั่นคงทางอาหารที่จะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดปัญหาหนึ่งของโลก        

 

ดังนั้น การลงทุนในเรื่องแหล่งน้ำจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก และในปฏิบัติการไทยเข้มแข็งซึ่งมีแผนการลงทุนรวมประมาณ 1.43 ล้านล้านบาท  จะมีเงินกว่า 2 แสนล้านบาทที่จะเข้ามาดำเนินการในส่วนนี้  ทั้งการก่อสร้างฝาย อ่างเก็บน้ำ กระจายในเรื่องของน้ำ  และเชื่อมโยงกับการปฏิรูประบบการเกษตร  ที่รัฐบาลมีแนวทางใหม่ ๆ ในการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการถือครองที่ดิน  รวมไปถึงการแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบ  การปรับปรุงพันธุ์พืช  การเชื่อมโยงงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยทางด้านการเกษตรเข้ามาพร้อม ๆ กันไป            

 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังเร่งในเรื่องของการขนส่งและโลจิสติกส์  ไม่ว่าจะเป็นถนนสายหลัก ถนนไร้ฝุ่น  ไปจนถึงการขนส่งระบบรางทั้งรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่  รถไฟที่จะเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านไปจนถึงรถไฟความเร็วสูง  ตลอดจนการลงทุนด้านพลังงานทดแทน  การปรับปรุงโรงเรียน  การปรับปรุงในเรื่องการสาธารณสุข 

 

พร้อม ๆ กับการรุกไปข้างหน้าในการเตรียมความพร้อมของประเทศในการแข่งขัน ที่เป็นการปรับปรุงนโยบายในเรื่องการประกันรายได้เกษตรกร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทุกครัวเรือนที่มาขึ้นทะเบียนในพืชหลัก  ซึ่งจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเท่าเทียมกันครบถ้วน   การยืดระยะเวลาชำระคืนหนี้ของกองทุนหมู่บ้าน  การเพิ่มเงินในกองทุนหมู่บ้านต่าง ๆ  รวมทั้งการเสริมความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่การใช้ภาคบริการหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการให้สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น             

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่าการดำเนินการภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งนั้น สิ่งสำคัญคือความมีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินที่กระบวนการต่าง ๆ ดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองเป้าหมายของการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง  และความโปร่งใสเพื่อไม่ให้เกิดการรั่วไหล หรือมีการทุจริตคอร์รัปชั่น  โดยรัฐบาลได้ขอให้หน่วยงานที่เป็นองค์กรอิสระ องค์กรภาคประชาชน เข้ามาช่วยและร่วมกันตรวจสอบปฏิบัติการไทยเข้มแข็งอีกทางหนึ่งด้วย      

 

ทั้งนี้  เป้าหมายที่เคยตั้งไว้ว่าจะต้องทำให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวเป็นบวกให้ได้ภายในปลายปีนี้  มั่นใจว่าตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเป็นตัวเลขที่เป็นบวก  ประกอบกับขณะนี้หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในฐานะที่จะขยายตัวได้ ตั้งแต่ประมาณร้อยละ 3 ถึงร้อยละ 3.5 หรือสูงกว่านั้น  ซึ่งคาดว่าไตรมาสที่ 2 ของปีหน้าน่าจะได้เห็นการลงทุนของภาคเอกชนกลับมาขยายตัวอย่างชัดเจนอีกครั้ง            

 

นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  ที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาไปหลายจุด และกำลังจะเดินหน้าในการปรับปรุงตั้งแต่เรื่องของระบบภาษีอากร การอำนวยความสะดวกในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้น และมาตรการต่าง ๆ ที่จะออกมาในช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้าต่อไป   อย่างไรก็ตามลำพังเฉพาะการลงทุนของภาครัฐ หรือการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียว คงไม่พอสำหรับที่จะเอื้อให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ในระยะกลาง ระยะยาว 

.

รัฐบาลได้เดินหน้าปรับปรุงและวางแผนในเรื่องสำคัญ ๆ ที่จะมารองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจเอาไว้ เช่น  แผนแม่บทการพัฒนาตลาดทุน  แผนพัฒนาสถาบันการเงิน  การปรับปรุงแนวทางการเข้ามาร่วมงานของรัฐจากภาคเอกชนที่จะทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว และสามารถที่จะระดมทั้งทุนและกำลังของภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในงานต่าง ๆ ของรัฐบาลได้ดียิ่งขึ้น            

.

“ผมกล้าพูดได้ว่าเมื่อใกล้จะครบ 1 ปีจากการเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นตัวและเดินมาไกลพอสมควร  ที่สำคัญคือว่าการที่เราทำให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมานั้น เราไม่ได้ทำให้ฟื้นขึ้นมาเพียงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  แต่ได้วางแนวทางสำหรับการเติบโตและการพัฒนาของเศรษฐกิจในอนาคตไว้อย่างชัดเจน” นายกรัฐมนตรีกล่าว 

.

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่าความสำเร็จของเศรษฐกิจไทยในอนาคตจะอยู่ที่ภาคเอกชนเองด้วย ที่จะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  ที่จะต้องตระหนักถึงความท้าทายใหม่ ๆ ซึ่งกำลังเกิดขึ้น และไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่อยู่ในภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม หรือภาคบริการ ล้วนแล้วแต่จะต้องเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของตัวเองพร้อม ๆ กันไปทั้งสิ้น 

.

รัฐบาลยืนยันว่าเราจะเป็นหุ้นส่วนของภาคธุรกิจเอกชนในการที่จะขับเคลื่อนเพื่อให้เศรษฐกิจของเรานั้น เป็นเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่ง มีความมั่นคง และเป็นเศรษฐกิจที่สร้างประโยชน์สุขให้ประชาชนคนไทยอย่างทั่วถึงอย่างแท้จริง

.
ที่มา : เว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี