เนื้อหาวันที่ : 2009-11-03 14:57:42 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1125 views

กกร.หนุนตั้ง 4 ทีมคลี่ปมมาบตาพุด

กกร. ยันโครงการลงทุนต้องเน้นดูแลสิ่งแวดล้อม ชูหลักการ 80:20 หนุนแนวคิดอุตสาหกรรมและชุมชนอยู่ร่วมกันได้ พร้อมเตรียมเสนอ กรอ. ทบทวนมติครม. 25 พ.ย. นี้

กกร. ยันโครงการลงทุนต้องเน้นดูแลสิ่งแวดล้อม ชูหลักการ 80:20 หนุนแนวคิดอุตสาหกรรมและชุมชนอยู่ร่วมกันได้ พร้อมเตรียมเสนอ กรอ. ทบทวนมติครม. 25 พ.ย. นี้

.

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย

.

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ภาคเอกชนยืนยันหลักการว่าโครงการลงทุนทุกๆ โครงการจะเน้นให้ความสำคัญดูแลสิ่งแวดล้อมภายใต้หลักการ 80 ต่อ 20 ซึ่งหมายความว่าโครงการลงทุนใหม่จะลงทุนได้ จะต้องลดการปล่อยมลพิษลงก่อน โดยหากลดได้ 100 หน่วย การลงทุนใหม่จะ ปล่อยมลพิษออกมาได้เพียง 80 หน่วยเท่านั้น อีก 20 หน่วย คืนให้กับสังคมชุมชน

.

ทั้งนี้ เพราะนักลงทุนไม่ต้องการให้โครงการลงทุนสร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชนใกล้เคียง ดังนั้น ในส่วน 76 โครงการที่ศาลปกครองระยองมีคำสั่งระงับไว้ก่อนนั้น ทาง กกร.ไม่ต้องการให้ทำแบบเหมารวมทั้งหมด ควรแยกเป็นรายโครงการที่ไม่ได้ทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสองเท่านั้น และให้โรงงานกลุ่มนี้ไปดำเนินการให้ครบถ้วน ส่วนโครงการที่ทำดีอยู่แล้วต้องปล่อยให้เดินหน้าต่อไป

.

นายดุสิต กล่าวว่า กรณีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเตรียมที่จะยื่นฟ้องร้องอีก 181 โครงการทั่วประเทศ ให้ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสองอีกนั้น กกร.ไม่วิตก เพราะเชื่อว่าความบริสุทธิ์ใจในการทำธุรกิจอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ ความสมดุลของโครงการลงทุนภาคอุตสาหกรรมและชุมชนจะต้องควบคู่กันไป

.

นอกจากนี้ หุ้นส่วนต่างชาติที่ลงทุนร่วมกันก็มีความคิดแบบนี้ ดังนั้น จึงห้ามไม่ได้ที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจะฟ้อง แต่ตราบใดที่มีเจตนาบริสุทธิ์ ก็เชื่อมั่นผลการกระทำจะบ่งบอกถึงสิ่งที่ภาคเอกชนทำในที่สุด

.

อย่างไรก็ตาม กกร.ต้องการให้สถานการณ์การชะงักของการลงทุนในขณะนี้จบสิ้นโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ  นอกจากนี้ กกร.ยังสนับสนุนการตั้งคณะกรรมการ 4 ฝ่ายขึ้นมาพิจารณา 76 โครงการในมาบตาพุด ว่า โครงการใดบ้างที่จำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง หากจะให้ดำเนินการใดก็พร้อมจะปฏิบัติตาม

.

นอกจากนี้ทาง กกร.จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 8/2552 ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในวันที่ 25 พ.ย.นี้

.

ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2552 ที่ห้ามหน่วยงานของรัฐเขียนสัญญากับเอกชนผูกมัดให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาท เพราะเรื่องดังกล่าวไม่มีความเป็นสากลที่นานาประเทศใช้อยู่ ขณะเดียวกันมีหลายสิบโครงการที่ต้องชะลอการลงนามสัญญา เพราะติดขัดมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว

.

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)  กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานในรายละเอียดข้อมูลที่ชัดเจน ว่าจะมีผลกระทบต่อ ปตท.มากน้อยเพียงไร แต่มั่นใจว่าที่ผ่านมา ปตท.ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบในเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องมาตลอด คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องดังกล่าว และขณะนี้ ปตท.ก็ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดอยู่แล้ว

.

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง