เนื้อหาวันที่ : 2009-10-15 16:41:17 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1137 views

บิ๊กไทคอนมั่นใจทีโลจีสสร้างแต้มต่อธุรกิจ

บิ๊กไทคอนมองเทรนด์โลจิสติคส์สร้างแต้มต่อธุรกิจ ชูกองทุนอสังหาฯทีโลจิสรับกระแสการค้าโลก เชื่อนักลงทุนตอบรับดี เผยผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่จ่อคิวขอเช่าหลายราย

.

บิ๊กไทคอนมองเทรนด์โลจิสติคส์สร้างแต้มต่อธุรกิจ ชูกองทุนอสังหาฯทีโลจิสรับกระแสการค้าโลก เชื่อนักลงทุนตอบรับดี เผยผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่จ่อคิวขอเช่าหลายราย

.

ผู้บริหาร TICON "วีรพันธ์ พูลเกษ" มองโลกการแข่งขันทางการค้าเปลี่ยน ชูบริหารจัดการโลจิสติคส์เปรียบเสมือนติดอาวุธให้ธุรกิจไทย หลังพบต้นทุนการจัดการด้านโลจิสติคส์สินค้าไทยยังสูงลิ่วถึง 20% ของต้นทุนสินค้า เชื่อความต้องการคลังสินค้า       จะเติบโตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง มั่นใจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีโลจิสตอบรับกระแสการค้าโลก นักลงทุนตอบรับดี เผยผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ทั้งธุรกิจค้าปลีกและส่งออกจ่อคิวขอเช่าอีกหลายราย ดันผลงานปี 52 และ 53 เติบโตต่อเนื่อง

.

นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า ปัจจุบันการขนส่งสินค้าถือเป็นหัวใจสำคัญ และสร้างความเป็นต่อในการแข่งขันให้กับธุรกิจไม่เฉพาะแต่การแข่งขันกันภายในประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงการแข่งขันกับต่างประเทศ

.

ทั้งนี้เนื่องจากต้นทุนสินค้าของไทยถึง 20% เป็นต้นทุนทางด้าน  การจัดการโลจิสติคส์ ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งหลายๆประเทศที่มีต้นทุนด้านการขนส่งต่ำกว่าระดับ 10% ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมาจะพบว่าผู้ใช้บริการคลังสินค้ามีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

.

"โลกการแข่งขันทางการค้าในปัจจุบัน ไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงแค่คุณภาพของสินค้าเท่านั้น แต่มุ่งให้ความสำคัญในเรื่องความรวดเร็วในการส่งสินค้าถึงมือลูกค้าด้วยต้นทุนการขนส่งที่ถูกที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด สำหรับบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิต 

.

การจัดการโลจิสติคส์ก็เป็นส่วนสำคัญในการบริหารสินค้าคงคลัง และลดต้นทุนวัตถุดิบโดยการบริหารการจัดส่งสินค้าแบบทันเวลา (Just in Time) เพื่อที่จะสามารถลดต้นทุนการผลิตสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ดังนั้น การบริหารจัดการโลจิสติคส์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งส่งผลให้ศูนย์กระจายสินค้าหรือคลังสินค้าในช่วงที่ผ่านมานั้นได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ" นายวีรพันธ์ กล่าว

.

กรรมการผู้จัดการ TICON  กล่าวต่อว่า จากทิศทางโลจิสติคส์และการขนส่งที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์          หรือทีโลจิส (TLOGIS) ที่มีขนาดกองทุนประมาณ 1,535 ล้านบาท

.

ซึ่งอยู่ระหว่างขออนุมัติจัดตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากกองทุนดังกล่าวฯ จะเข้าไปลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดินและคลังสินค้าใน 2 โครงการ คือ โครงการเขตอุตสาหกรรมโลจิสติคส์ ทีพาร์ค วังน้อย     จังหวัดอยุธยา และโครงการเขตอุตสาหกรรมโลจิสติคส์ ทีพาร์ค บางนา

.

ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีจุดเด่นในเรื่องทำเลที่ตั้ง คุณภาพคลังสินค้าแบบมาตรฐานสากล และระบบสาธารณูปโภคที่ดี  ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของคลังสินค้าเหมาะแก่การเป็นศูนย์จัดเก็บสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางอากาศ การขนส่งทางบก และการขนส่งทางน้ำ 

.

"ด้วยความโดดเด่นด้านทำเลที่ตั้ง และศักยภาพของทรัพย์สิน ทำให้มั่นใจว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ทีโลจิสจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งรายใหญ่ เช่น คาร์ฟูร์  และแม็คโคร ต่างก็ทำสัญญาเช่าคลังสินค้าระยะยาวเพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ" กรรมการผู้จัดการ TICON กล่าว

.

สำหรับสถานการณ์การเช่าพื้นที่คลังสินค้าในช่วงที่เหลือของปีนี้นั้น กรรมการผู้จัดการ TICON ประเมินว่า ยังมีแนวโน้มที่ดี โดยบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากลูกค้าเข้ามาใหม่    หลายรายในส่วนของการเช่าคลังสินค้าทั้งธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจนำเข้าและส่งออก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวส่งผลให้ความต้องการเช่าพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

.

ทั้งนี้ ในส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2,500 ล้านบาท โดยมาจากรายได้จากการเช่าโรงงาน รายได้จากการขายคลังสินค้า (แวร์เฮ้าส์) เข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ใหม่ รายได้จากการบริหารกองทุน และรายได้จากเงินปันผลจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND)

.

ขณะเดียวกัน การก้าวเข้ามาดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการคลังสินค้า เพื่อให้เช่า และพัฒนาเขตอุตสาหกรรมโลจิสติคส์ของกลุ่มไทคอน รวมถึงการที่คาดว่า เศรษฐกิจจะกลับมาสู่ภาวะปกติ จะผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่องในปี 2553