อภิสิทธิ์ สั่งสภาพัฒน์ดูผลกระทบทางเศรษฐกิจหากไม่ลงทุนอุตสาหกรรมหนักจากกรณีมาบตาพุด ห่วงอีกหลายโครงการเข้าข่ายขัดรธน. ด้าน กกร. ตั้งทีมประชาสัมพันธ์แจงนักลงทุนเสนอรัฐอัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยผู้ประกอบการ
นายกฯ สั่งสภาพัฒน์ดูผลกระทบทางเศรษฐกิจหากไม่ลงทุนอุตสาหกรรมหนักจากกรณีมาบตาพุด และพบมีโครงการใดเข้าข่ายอาจขัดรัฐธรรมนูญ เช่น กรณีปัญหามาบตาพุด ด้าน กกร. ตั้งทีมประชาสัมพันธ์แจงนักลงทุนเสนอรัฐช่วยอัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ |
. |
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี |
. |
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังมีกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งบรรเทาทุกข์ โดยให้ระงับการดำเนินกิจกรรมของโรงงานอุตสาหกรรม 76 โครงการ มูลค่า 3-4 แสนล้านบาท ในพื้นที่ ต.มาบตาพุด อ.บ้านฉาง จ.ระยอง และพื้นที่ใกล้เคียง จ.ระยองเป็นการชั่วคราว |
. |
หลังมีผู้ฟ้องหน่วยงานรัฐกรณีออกคำสั่งให้โรงงานทำกิจกรรมไม่ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) สศช. ศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากจะไม่มีการลงทุนอุตสาหกรรมหนัก อย่างโครงการเหล็กต้นน้ำ |
. |
โดยให้เปรียบเทียบกับการทำเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ เพื่อกำหนดเป็นแนวทางพัฒนาประเทศ หลังมีเหตุกรณีการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด และการศึกษาดังกล่าว ยังรวมถึงการเปรียบเทียบกับการทำเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ หรือการลงทุนในภาคบริการ เพื่อจัดทำเป็นข้อสรุป ก่อนจะนำไปใช้ตัดสินใจกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศต่อไป และพบว่ามีโครงการใดเข้าข่ายอาจขัดรัฐธรรมนูญ เช่นกรณีปัญหามาบตาพุด แต่คาดว่าจะมีไม่ถึง 500 โครงการตามที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เตรียมจะยื่นฟ้องเหมือนกรณีมาบตาพุด |
. |
"ขณะนี้ยังมีการถกเถียงเรื่องมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับมูลค่าความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติในช่วงเวลานี้ ดังนั้น จะต้องไปพิจารณาศึกษา ซึ่งได้ให้สภาพัฒน์ไปศึกษาว่าหากจะปฏิเสธอุตสาหกรรมหนัก จะมีผลกระทบอย่างไร เช่น อุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ จะส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การจ้างงานอย่างไรบ้าง" |
. |
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนการดูแลเรื่องผลกระทบที่ตามมาหากต้องระงับโครงการหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริง โดยยังรอคำพิพากษาของศาลก่อน แต่ขณะนี้ได้ทำความเข้าใจทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่ารัฐบาลไม่ได้ละเลยกับปัญหาดังกล่าว |
. |
ทั้งนี้ ปัจจุบันรัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาโครงการเหล็กต้นน้ำ ซึ่งนับเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หลังจากที่มีผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลก 4 ราย ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง และการจ้างงานจำนวนมากในอนาคต |
. |
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า ที่ประชุม กกร.ยืนยันว่ามีความห่วงใยต่อสภาพแวดล้อมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ไม่แตกต่างจากหลายฝ่ายที่เป็นห่วงในขณะนี้ และบริษัทที่ลงทุนในมาบตาพุดส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีความเป็นห่วงด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งกว่า เนื่องจากหากสินค้าที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็จะขายสินค้าที่ผลิตขึ้นมาไม่ได้ในต่างประเทศ |
. |
ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร.มีมติตั้งคณะทำงานร่วม 3 สถาบัน โดยมีนายสันติ วิลาสศักดานนท์ เป็นประธานคณะทำงาน เพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจว่าโครงการได้ดำเนินการลงทุนภายใต้กฎหมายทั้งสิ้นและห่วงใยในสิ่งแวดล้อม ส่วนสาเหตุที่ตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าว เพราะที่ผ่านมามีการให้ข่าวประชาสัมพันธ์โดยแยกกันให้ข่าวทำให้เกิดความเข้าใจไม่ชัดเจน จึงต้องการให้เป็นเอกภาพมากขึ้น |
. |
ที่ประชุม กกร.เตรียมเสนอขอความช่วยเหลือทางการเงินในรูปเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ ธปท.เคยให้ความช่วยเหลือ แต่หลังจากมี พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ทำให้ ธปท.ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้และจะให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ช่วยเหลือทางด้านการเงิน |
. |
ขณะเดียวกันไทยได้ทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับหลายประเทศก็จะมีการตั้งคณะทำงานติดตามประเมินการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง จึงอยากให้ภาครัฐมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อช่วยประสานกับหน่วยราชการทั้งหมด |
. |
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า 76 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีมูลค่าลงทุนรวมกันประมาณ 400,000 ล้านบาท มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบกับโครงการที่เดินหน้า เนื่องจากหน่วยราชการยังไม่มีคำสั่งหยุดโครงการ จึงยังไม่มีผลกระทบต่อสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ และทุกธนาคารยังคงให้เบิกเงินกู้ตามปกติ ประกอบกับผู้ลงทุนส่วนใหญ่ยังดูแลตัวเองได้ ซึ่งขณะนี้รอคำพิพากษาของศาลว่าจะออกมาในทิศทางใด |
. |
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลยังไม่จัดตั้งกองทุน 100,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบจากกรณี 76 โครงการของมาบตาพุด หากมีการหยุดชะงักและชะลอ เจ้าของโครงการอาจจะถูกฟ้องร้องจากผู้รับเหมาก่อสร้าง และผลกระทบด้านสินเชื่อที่อาจจะชะงักตามไปด้วย |
. |
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีความเสียหายอย่างชัดเจน โดยต้องรอผลการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดก่อน ระหว่างนี้ได้ให้แต่ละโครงการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอีก |
. |
ที่มา : หน้งสือพิมพ์บ้านเมือง |