เนื้อหาวันที่ : 2009-10-13 10:33:21 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1100 views

มาร์ค หวั่นหลายโครงการเข้าข่ายขัด รธน. สั่ง สศช. เร่งสรุปกรณีมาบตาพุด

อภิสิทธิ์ สั่งสภาพัฒน์ดูผลกระทบทางเศรษฐกิจหากไม่ลงทุนอุตสาหกรรมหนักจากกรณีมาบตาพุด ห่วงอีกหลายโครงการเข้าข่ายขัดรธน. ด้าน กกร. ตั้งทีมประชาสัมพันธ์แจงนักลงทุนเสนอรัฐอัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยผู้ประกอบการ

นายกฯ สั่งสภาพัฒน์ดูผลกระทบทางเศรษฐกิจหากไม่ลงทุนอุตสาหกรรมหนักจากกรณีมาบตาพุด และพบมีโครงการใดเข้าข่ายอาจขัดรัฐธรรมนูญ เช่น กรณีปัญหามาบตาพุด ด้าน กกร. ตั้งทีมประชาสัมพันธ์แจงนักลงทุนเสนอรัฐช่วยอัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ

.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังมีกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งบรรเทาทุกข์ โดยให้ระงับการดำเนินกิจกรรมของโรงงานอุตสาหกรรม 76 โครงการ มูลค่า 3-4 แสนล้านบาท ในพื้นที่ ต.มาบตาพุด อ.บ้านฉาง จ.ระยอง และพื้นที่ใกล้เคียง จ.ระยองเป็นการชั่วคราว

.

หลังมีผู้ฟ้องหน่วยงานรัฐกรณีออกคำสั่งให้โรงงานทำกิจกรรมไม่ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) สศช. ศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากจะไม่มีการลงทุนอุตสาหกรรมหนัก อย่างโครงการเหล็กต้นน้ำ

.

โดยให้เปรียบเทียบกับการทำเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ เพื่อกำหนดเป็นแนวทางพัฒนาประเทศ หลังมีเหตุกรณีการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด และการศึกษาดังกล่าว ยังรวมถึงการเปรียบเทียบกับการทำเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ หรือการลงทุนในภาคบริการ เพื่อจัดทำเป็นข้อสรุป ก่อนจะนำไปใช้ตัดสินใจกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศต่อไป และพบว่ามีโครงการใดเข้าข่ายอาจขัดรัฐธรรมนูญ เช่นกรณีปัญหามาบตาพุด แต่คาดว่าจะมีไม่ถึง 500 โครงการตามที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เตรียมจะยื่นฟ้องเหมือนกรณีมาบตาพุด

.

"ขณะนี้ยังมีการถกเถียงเรื่องมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับมูลค่าความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติในช่วงเวลานี้ ดังนั้น จะต้องไปพิจารณาศึกษา ซึ่งได้ให้สภาพัฒน์ไปศึกษาว่าหากจะปฏิเสธอุตสาหกรรมหนัก จะมีผลกระทบอย่างไร เช่น อุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ จะส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การจ้างงานอย่างไรบ้าง"

.

นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนการดูแลเรื่องผลกระทบที่ตามมาหากต้องระงับโครงการหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริง โดยยังรอคำพิพากษาของศาลก่อน แต่ขณะนี้ได้ทำความเข้าใจทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่ารัฐบาลไม่ได้ละเลยกับปัญหาดังกล่าว

.

ทั้งนี้ ปัจจุบันรัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาโครงการเหล็กต้นน้ำ ซึ่งนับเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หลังจากที่มีผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลก 4 ราย ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง และการจ้างงานจำนวนมากในอนาคต

.

นายดุสิต  นนทะนาคร ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า  ที่ประชุม กกร.ยืนยันว่ามีความห่วงใยต่อสภาพแวดล้อมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด  จังหวัดระยอง  ไม่แตกต่างจากหลายฝ่ายที่เป็นห่วงในขณะนี้  และบริษัทที่ลงทุนในมาบตาพุดส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่  มีความเป็นห่วงด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งกว่า  เนื่องจากหากสินค้าที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็จะขายสินค้าที่ผลิตขึ้นมาไม่ได้ในต่างประเทศ 

.

ทั้งนี้  ที่ประชุม กกร.มีมติตั้งคณะทำงานร่วม 3  สถาบัน  โดยมีนายสันติ  วิลาสศักดานนท์  เป็นประธานคณะทำงาน  เพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจว่าโครงการได้ดำเนินการลงทุนภายใต้กฎหมายทั้งสิ้นและห่วงใยในสิ่งแวดล้อม  ส่วนสาเหตุที่ตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าว  เพราะที่ผ่านมามีการให้ข่าวประชาสัมพันธ์โดยแยกกันให้ข่าวทำให้เกิดความเข้าใจไม่ชัดเจน  จึงต้องการให้เป็นเอกภาพมากขึ้น

.

ที่ประชุม กกร.เตรียมเสนอขอความช่วยเหลือทางการเงินในรูปเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ ธปท.เคยให้ความช่วยเหลือ  แต่หลังจากมี พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ทำให้ ธปท.ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้และจะให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ช่วยเหลือทางด้านการเงิน 

.

ขณะเดียวกันไทยได้ทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับหลายประเทศก็จะมีการตั้งคณะทำงานติดตามประเมินการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง  จึงอยากให้ภาครัฐมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อช่วยประสานกับหน่วยราชการทั้งหมด

.

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย  กล่าวว่า  76  โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด  มีมูลค่าลงทุนรวมกันประมาณ  400,000  ล้านบาท  มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ประมาณ  200,000  ล้านบาท ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบกับโครงการที่เดินหน้า  เนื่องจากหน่วยราชการยังไม่มีคำสั่งหยุดโครงการ  จึงยังไม่มีผลกระทบต่อสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ  และทุกธนาคารยังคงให้เบิกเงินกู้ตามปกติ  ประกอบกับผู้ลงทุนส่วนใหญ่ยังดูแลตัวเองได้  ซึ่งขณะนี้รอคำพิพากษาของศาลว่าจะออกมาในทิศทางใด

.

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลยังไม่จัดตั้งกองทุน 100,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบจากกรณี 76 โครงการของมาบตาพุด หากมีการหยุดชะงักและชะลอ เจ้าของโครงการอาจจะถูกฟ้องร้องจากผู้รับเหมาก่อสร้าง และผลกระทบด้านสินเชื่อที่อาจจะชะงักตามไปด้วย

.

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีความเสียหายอย่างชัดเจน โดยต้องรอผลการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดก่อน ระหว่างนี้ได้ให้แต่ละโครงการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอีก

.
ที่มา : หน้งสือพิมพ์บ้านเมือง