เนื้อหาวันที่ : 2006-12-11 10:01:15 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 869 views

ปตท.- กฟผ. ลงนามซื้อขายก๊าซฯ เพิ่มเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า

ปตท. เร่งจัดหาก๊าซฯ เพิ่ม เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ และสนองความต้องการใช้พลังงานของประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งบรรเทาผลกระทบในภาวะที่ราคาน้ำมันมีความผันผวนตามสถานการณ์น้ำมันตลาดโลก

ปตท. เร่งจัดหาก๊าซฯ เพิ่ม  เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ และสนองความต้องการใช้พลังงานของประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งบรรเทาผลกระทบในภาวะที่ราคาน้ำมันมีความผันผวนตามสถานการณ์น้ำมันตลาดโลก

.

กรุงเทพฯ  ดร.ปิยสวัสดิ์   อัมระนันทน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ครั้งที่ 2)  ระหว่าง  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)    โดย  นายประเสริฐ   บุญสัมพันธ์   กรรมการผู้จัดการใหญ่  และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  โดย  นายไกรสีห์  กรรณสูต   ผู้ว่าการ กฟผ.  เพื่อนำก๊าซธรรมชาติมาใช้ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง และพระนครใต้ เมื่อวันนี้  (8  ธันวาคม 2549)  เวลา  14.00  น.  ที่  ห้องพิมานแมน   โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ 

.

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์  กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.  เปิดเผยถึงสาระสำคัญในสัญญาฯ แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2  ว่า     ปตท.   จะเพิ่มปริมาณส่งก๊าซธรรมชาติให้ กฟผ. ตามสัญญาให้คงอยู่ที่  960 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันไปตลอดอายุสัญญาถึงปี พ.ศ.2558  เพื่อนำก๊าซฯ ไปใช้ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง และพระนครใต้    โดยหากไม่มีการแก้ไขสัญญาครั้งนี้ปริมาณซื้อขายก๊าซฯ เฉลี่ยตามสัญญาจะค่อยลดลงตั้งแต่ปีสัญญา พ.ศ. 2550  โดยจะลดลงเหลือ 910 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และลดลงอีกในปีสัญญา 2551 เหลือ 850 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน  คงที่ไปจนถึงสองปีสัญญาสุดท้ายคือปี 2557 และ ปีสัญญา 2558  จะมีปริมาณ 650  และ 540  ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามลำดับ

.

กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.  เปิดเผยเพิ่มเติมว่าการที่ ปตท. และ กฟผ. ร่วมกันจัดทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อคงปริมาณการใช้ก๊าซฯในระดับ   960 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันนี้  จะส่งผลให้สามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันเตาในการผลิตกระแสไฟฟ้าอันจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมาก  นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพการขยายเครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติฝั่งตะวันตกของปตท. ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการจ่ายก๊าซธรรมชาติผ่านท่อฯ ไทรน้อยพระนครใต้ เพื่อจ่ายก๊าซฯ ให้กับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนพระนครใต้และโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคต อันจะเป็นการเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศ

.

ดร.ปิยสวัสดิ์   อัมระนันทน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน    กล่าวว่า     การลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในครั้งนี้   นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ เพราะจะเป็นหลักประกันว่า   ในช่วงอีก 10 ปี  ข้างหน้า ประเทศจะมีปริมาณสำรองไฟฟ้าอย่างเพียงพอและมั่นคง      เนื่องจาก    ปตท.     สามารถจัดหาก๊าซธรรมชาติเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการใช้ก๊าซฯ ของประเทศได้ตลอดเวลา และที่สำคัญจะทำให้ประเทศสามารถประหยัดเงินตราจากการนำเข้าน้ำมัน ที่ปัจจุบันราคาน้ำมันมีความผันผวนตามสถานการณ์น้ำมันตลาดโลก  รัฐบาลจึงได้มีนโยบายในการส่งเสริมการใช้พลังงานที่ผลิตได้ในประเทศ  ในภาคการผลิตไฟฟ้า อุตสาหกรรม และ การขนส่ง  ซึ่งก๊าซธรรมชาตินอกจากเป็นพลังงานที่ผลิตได้เองในประเทศ ยังเป็นพลังงานสะอาด  ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างดีด้วย