นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส) แถลงข่าว 7 ปีรถไฟฟ้าบีทีเอส ว่าการให้บริการรถไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี แต่บริษัทยังประสบภาวะขาดทุนมาโดยตลอด แยกเป็นมีรายได้จากค่าโดยสาร 8-9 ล้านบาทต่อวัน ค่าใช้จ่ายในการเดินรถ 3.5 ล้านบาทต่อวัน มีภาระจะต้องจ่ายดอกเบี้ย 7 ล้านบาทต่อวัน ภาวะดังกล่าวทำให้มีดอกเบี้ยค้างชำระ 10,000 ล้านบาท มียอดเงินต้นและค่าปรับสูงถึง 77,000 ล้านบาท

ด้านนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า การขึ้นราคาของบีทีเอสในวันที่ 1 มีนาคม 2550 จาก 10-40 บาท เป็น 15-40 บาทนั้น เป็นไปตามเพดานราคาค่าโดยสารที่ผ่านความเห็นชอบจาก กทม. เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2542 เมื่อเปรียบเทียบกับค่าโดยสารไฟใต้ดินจะเห็นชัดว่าราคาใกล้เคียงกันมาก สำหรับการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการนั้น

ขณะนี้บีทีเอสได้จัดทำแล้วเสร็จ เตรียมเสนอแผนให้ศาลล้มละลายกลางและเจ้าหนี้พิจารณาในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าบีทีเอสจะใช้แนวทางการตีราคารถไฟฟ้าทั้ง 35 คันที่มีอยู่ เป็นมูลค่า 7,500 ล้านบาท เพื่อชำระคืนหนี้ด้วย โดยบีทีเอสจะกำหนดการตีทรัพย์สินชำระหนี้อย่างมีเงื่อนไข โดยเจ้าหนี้ยังต้องให้บีทีเอสเช่าใช้ประโยชน์ต่อเป็นเวลา 4 ปี เพื่อไม่ให้กระทบกับการเดินรถการให้บริการแก่ประชาชน หลังจากนั้นในตลอดอายุสัญญาสัมปทานที่เหลืออีก 19 ปี จะดำเนินการต่อไปอย่างไรต่อทรัพย์สินจะขึ้นกับเจ้าหนี้ ซึ่งบีทีเอสจะเปิดเจรจาต่อไป.