นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่าสภายุโรปได้สนับสนุนข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยุโรปเรื่องการยกเลิกการใช้และจำหน่ายหลอดไฟไส้ร้อนแบบเก่า (Old Incandescent Light Bulb) ตั้งแต่เดือนกันยายน 2552-2555 โดยตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2552 เป็นต้นไป จะห้ามจำหน่ายหลอดไฟที่มีกำลัง 100 วัตต์ก่อน สำหรับรุ่นต่ำกว่า 100 วัตต์จะเริ่มใช้ในปีต่อๆ ไป และจะต้องหมดไปจากชั้นวางจำหน่ายสินค้าตามร้านค้าภายในวันที่ 1 กันยายน 2555 |
. |
ข้อเสนอดังกล่าวจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายใต้การดำเนินการเรื่อง “ Climate Change ” โดยขณะนี้ประมาณร้อยละ 85 ของหลอดไฟตามครัวเรือนยังเป็นแบบที่กินไฟมากเกินไป ในส่วนของสมาคมผู้บริโภคยุโรปเห็นว่าการห้ามจำหน่ายหลอดไฟแบบเก่าจะสามารถประหยัดค่าไฟของครัวเรือนได้เฉลี่ย 166 ยูโรต่อปี |
. |
ทั้งนี้ จะมีการผลักดันให้ผู้บริโภคใช้หลอดประหยัดไฟแบบขด (Compact Fluorescent Lights: CFL) ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานได้ร้อยละ 80 ของหลอดไฟแบบเก่าที่ใช้กันตามบ้านเรือน อย่างไรก็ดี มีผู้บริโภคบางรายกังวลเรื่องระดับสารปรอทในหลอดไฟดังกล่าวซึ่งกำหนดให้มีได้ไม่เกิน 5 มิลลิกรัม |
. |
อนึ่ง ประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากสหภาพยุโรปก็ได้ริเริ่มการประกาศห้ามใช้หลอดไฟไส้ร้อนแบบเก่าเช่นกัน อาทิ ออสเตรเลีย ห้ามใช้ภายในปี 2553 แคนาดา ภายในปี 2555 อาร์เจนตินา ภายในปี 2553 และสหรัฐฯ จะทยอยห้ามใช้ในปี 2555-2557 เป็นต้น |
. |
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยส่งออกหลอดไฟฟ้าไปสหภาพยุโรปมูลค่าเฉลี่ย 434 ล้านบาทต่อปี (พ.ศ. 2549-2551) โดยในปี 2551 ส่งออกมูลค่า 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 25 สำหรับในปี 2552 (ม.ค.-ก.ค.) ส่งออกมูลค่า 160 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 55 |