ภาวะเศรษฐกิจ ครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นตัว ราคาถ่านหินส่อเค้าเพิ่มขึ้น ตามกำลังซื้อถ่านหินในระบบที่เริ่มปรับตัว คาดส่งผลบวกต่อ UMS ที่มีส่วนแบ่งตลาดถ่านหินในประเทศถึง 55%
. |
ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวใน 2H/52 ส่งผลให้ราคาถ่านหินในปัจจุบันที่ $74.9 ต่อตัน มีแนวโน้มปรับขึ้นเป็น $80 ต่อตันในช่วงปลายปี 2552 ตามกำลังซื้อถ่านหินในระบบที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนที่มีความต้องการใช้ถ่านหินสูงถึง 41% ของความต้องการโลก ปัจจัยดังกล่าวคาดจะส่งผลบวกต่อ UMS ที่มีส่วนแบ่งการตลาดในการค้าถ่านหินในประเทศสูงถึง 55% |
. |
อีกทั้ง ความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น คาดจะทำให้อัตรากำไรของบริษัทกลับขึ้นมาอยู่ในระดับเหมาะสมเท่ากับ 27-28% และหนุนให้กำไรสุทธิปี 2553 กลับมาขยายตัวอีกครั้งจาก 380 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 394 ล้านบาท |
. |
นอกจากนี้ การเตรียมลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจเหมืองถ่านหิน จะช่วยลดความผันผวนของเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและต่อยอดธุรกิจ จนทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างมั่นคง สำหรับสภาพคล่องทางการเงินที่อยู่ระดับสูง ทำให้ UMS สามารถจ่ายปันผลต่อเนื่องและมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 8.20% ดังนั้น SCRI แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 17.50 บาท/หุ้น |
. |
รายได้ปี 2552 มีแนวโน้มปรับลดลง 11% yoy เป็น 3,040 ล้านบาท: แม้เริ่มมีคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่กลับเข้ามาในช่วง 2H/52 ขณะที่คำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าขนาดกลาง อาทิ ธุรกิจอาหารและสิ่งทอ ยังมีสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม หากเทียบ yoy คาดกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ยังคงลดลงจากเดิมที่อยู่ที่ 40% เป็น 20% ของพอร์ตรายได้ทั้งหมด |
. |
อันเป็นผลจากอุปทานส่วนเกินของถ่านหินในภูมิภาคที่ยังมีอยู่ ทำให้เหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียหันมาขายตรงกับผู้ซื้อ ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ปริมาณขายของบริษัทลดลงและส่งผลต่อเนื่องให้แนวโน้มรายได้ปี 2552 ปรับลงจาก 3,425 ล้านบาทในปี 2551 เป็น 3,040 ล้านบาท |
. |
ราคาถ่านหินที่เริ่มขยับขึ้น ช่วยหนุนกำไรใน 2H/52 ให้เพิ่มขึ้น hoh และทำให้กำไรปี 2552 ยังทรงตัวในระดับเหมาะสม ราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูงกว่า $74.9 ต่อตัน และคาดจะปรับขึ้นเป็น $80 ต่อตันช่วงปลายปี 2552 ประกอบกับการสั่งถ่านหินค่าความร้อนสูงประมาณ 6,000 กิโลแคลอรี/กิโลกรัม ที่มีอัตรากำไรสูง จำนวนกว่า 55,000 ตัน เข้ามาขาย |
. |
จะช่วยหนุนให้กำไรจากผลการดำเนินงานปกติใน 2H/52 ปรับตัวเพิ่มขึ้น hoh โดย SCRI คาด UMS จะมีกำไรจากผลการดำเนินงานปกติเท่ากับ 316 ล้านบาท แต่หากรวมการกลับรายการการด้อยค่าสินค้าคงคลังจำนวน 64 ล้านบาท บริษัทจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 380 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากเทียบ yoy UMS จะมีกำไรสุทธิลดลง 6% yoy จาก 403 ล้านบาท |
. |
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หนุนกำไรสุทธิปี 2553 กลับมาขยายตัว 4% yoy: เศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวจะทำให้อุปสงค์การใช้ถ่านหินทั้งในและต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และ SCRI ประเมิน UMS ซึ่งเป็นผู้ค้าถ่านหินที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่า 50% จะได้รับประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ การมีท่าเรือเป็นของตนเองจะทำให้บริษัทมีต้นทุนในการดำเนินงานในระดับต่ำ ทำให้ GPM ของบริษัทกลับมาอยู่ระดับเหมาะสมที่ 27-28% และหนุนให้กำไรในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 5% โดยมีกำไรสุทธิปี 2553 และ 2554 เท่ากับ 394 และ 420 ล้านบาท ตามลำดับ |
. |
งดจ่ายปันผลระหว่างกาล เพื่อสำรองการลงทุนในช่วงปลายปี แต่คาดสภาพคล่องที่ดี ส่งผลให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลปี 2552 เท่ากับ 1.05 บาท/หุ้น: แม้บริษัทจะมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี โดยมี Current Ratio ที่สูงกว่า 1.24 เท่า อย่างไรก็ตาม การเตรียมเข้าลงทุนในการซื้อเหมืองถ่านหินขนาด 10-50 ล้านตันและซื้อเรือเพิ่มเติมมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท ปัจจัยดังกล่าว ทำให้บริษัทงดจ่ายปันผลระหว่างกาล แต่คาดทั้งปี 2552 จะสามารถจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 1.05 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเท่ากับ 8.26% ต่อปี |
. |
คงคำแนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 17.50 บาท/หุ้น: การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ผลักดันให้อุปสงค์การใช้ถ่านหินทั้งในและต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดย UMS ซึ่งเป็นผู้ค้าถ่านหินที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่า 50% จะได้รับประโยชน์สูงสุด และ SCRI คาดกำไรในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% CAGR |
. |
อีกทั้ง สภาพคล่องการดำเนินงานที่ยังอยู่ในระดับเหมาะสม ทำให้บริษัทจ่ายปันผลต่อเนื่องสม่ำเสมอไม่ต่ำกว่าปีละ 7.8% ดังนั้น SCRI แนะนำ ซื้อ โดยมีมูลค่าเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 17.50 บาท/หุ้น (DDM, Re 11.5% Payout Ratio 55%) |