เนื้อหาวันที่ : 2009-08-10 09:19:38 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1128 views

รัฐตรึงราคาเอ็นจีวี-แอลพีจีไปอีก 1 ปี

มาร์ค ลั่นพร้อมทบทวนภาษี พลังงานเสนอ 3 สูตรลดเงินกองทุนน้ำมัน-อนุรักษ์ วันนี้ หลังราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งสูง เน้นดูแลดีเซลต้องไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ประกาศตรึงราคาเอ็นจีวี-แอลพีจี จนถึงเดือนส.ค. 2553

นายกรัฐมนตรี เผยรัฐบาลเตรียมทบทวนมาตรการทางด้านภาษีน้ำมัน-กองทุนฯ หลังจากราคาน้ำมันตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น เน้นดูแลดีเซลต้องไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ประกาศตรึงราคาเอ็นจีวี-แอลพีจี จนถึงเดือนส.ค. 2553

.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ถึงปัญหาราคาน้ำมันที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลผลักภาระให้แก่ประชาชน ทั้งที่เคยหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2550 จะลดภาระในเรื่องดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งช่วงนั้น ราคาน้ำมันตลาดโลกอยู่ในระดับค่อนข้างสูง หรือประมาณ 60-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล   

.

จึงเสนอให้ลดภาระการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่เมื่อผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ปรากฏว่าภาวะราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ช่วงหนึ่งพุ่งสูงขึ้นถึง 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงนั้นโครงสร้างการใช้น้ำมันเปลี่ยนแปลงไปมาก ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์-ไบโอดีเซลสูงมาก ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ ก็พร้อมหนุนนโยบายพลังงานทดแทนต่อเนื่อง

.

รัฐบาลชุดที่แล้วได้แก้ปัญหาน้ำมันแพงด้วยการลดภาษี เมื่อรัฐบาลชุดนี้เข้ามา มาตรการดังกล่าวหมดอายุ ประกอบกับมีการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ  ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงเหลือ 30-40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทางรัฐบาลได้ตัดสินใจเก็บภาษีในอัตราเดิม และได้มีการขึ้นภาษี 2 บาทต่อลิตร ที่เก็บภาษีมากขึ้น เพื่อก่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน และไม่ส่งเสริมให้เกิดการใช้น้ำมันฟุ่มเฟือย จึงเก็บภาษีเพิ่มขึ้นและบริหารเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง  จนทำให้สถานะกองทุนและการคลังมีความมั่นคง

.

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้พุ่งสูงกลับมาอยู่ที่เกิน 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น รัฐบาลก็พร้อมที่จะทบทวนนโยบายต่างๆ ทั้งหมด

.

"อนาคตข้างหน้า หากว่าราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น เราพูดกันในเชิงหลักการแล้วว่า รัฐจะดูแลเงินกองทุนน้ำมันไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชน โดยจะเก็บเข้ากองทุนฯ เพื่อให้เป็นประโยชน์บางเรื่อง เท่านั้น เช่น อุดหนุนก๊าซหุงต้ม  ดูแลราคาแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล บี 4 โดยในส่วนของก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวีนั้น ตกลงกันแล้วว่าจะตรึงราคาไปจนถึงเดือนส.ค. ปีหน้า" นายกรัฐมนตรี กล่าว

.

แหล่งข่าวจาก กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันนี้ (10 ส.ค.) เพื่อพิจารณาลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชนเป็นแพ็คเกจ โดยในส่วนของราคาน้ำมันนั้น ได้เสนอแผนการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในน้ำมันทุกชนิด พร้อมผลกระทบในสามแนวทาง ได้แก่ 

.

1. ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ 1 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้กองทุนฯ ขาดรายได้ 700-900 ล้านบาทต่อเดือน 2. ลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ 1.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนฯ ขาดรายได้ 1,200-1,300 ล้านบาทต่อเดือน และ 3. ลดการเก็บเงิน 2 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนฯขาดรายได้ 1,700-1,800 ล้านบาทต่อเดือน จากปัจจุบันที่กองทุนฯ มีรายได้รับเดือนละ 3,300 ล้านบาท

.

ขณะเดียวกัน ยังเสนอให้ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานอีก 50 สตางค์ต่อลิตร ในน้ำมันเบนซิน 95, 91 และดีเซล โดยการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ดังกล่าวจะเสนอให้มีผลทันที เพื่อทำให้ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมันลดลง

.

ขณะเดียวกัน ยังจะเสนอที่ประชุมขออนุมัติในหลักการให้ดำเนินการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในกลุ่มน้ำมันดีเซลในอนาคต หากราคาน้ำมันใกล้ถึง 30 บาทต่อลิตร เพื่อลดกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ

.

นอกจากนี้ แพ็คเกจที่จะนำเสนอขออนุมัติจาก กพช.ในคราวเดียวกันนี้ ประกอบด้วยการตรึงราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ที่ราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ที่ใช้ในทุกภาคส่วนทั้งภาคครัวเรือนและขนส่งที่ระดับ 18.30 บาทต่อกิโลกรัม ออกไปอีกหนึ่งปีถึงเดือนส.ค. 2553

.
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์