บริษัทที่มีการทำเอาท์ซอร์สทางไอที มีมูลค่าถึง 50 ล้านเหรียญดอลล่าร์ และมีการพัฒนาด้านธุรกิจระยะยาวเมื่อเปรียบเทียบกับคุ่แข่งขัน
นาย
|
a |
จากการศึกษาล่าสุด ได้มีการวัดผลกระทบระยะยาวของการทำเอาท์ซอร์สทางไอทีที่มีต่อผลประกอบการของธุรกิจ และพบว่าบริษัทที่มีการทำเอาท์ซอร์สทางไอที มีมูลค่าถึง 50 ล้านเหรียญดอลล่าร์ และมีการพัฒนาด้านธุรกิจระยะยาวเมื่อเปรียบเทียบกับคุ่แข่งขัน จากบริษัทต่างชาติจำนวน 56 บริษัทที่สอบถาม ที่ได้มีการทำสัญญาทางไอที พบว่าร้อยละ 63 มีการพัฒนาด้านรายได้เร็วกว่าคู่แข่งขันในธุรกิจเดียวกัน ร้อยละ 74 สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไปและค่าใช้จ่ายด้านธุรการ (SG&A: Selling, General and Administrative Expenses) เมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจเดียวกัน และมากกว่าร้อยละ 60 สามารถเอาชนะคู่แข่งขันในด้านผลตอบแทนทางสินทรัพย์ที่มากขึ้นหลังจากมีการเริ่มการทำเอาท์ซอร์สทางไอทีเป็นเวลา 2-3 ปี การศึกษาวิจัยนี้ ประกอบด้วยบริษัทจำนวน 38 บริษัทไม่ใช่ลูกค้าไอบีเอ็ม ในขณะที่บริษัทจำนวน 18 บริษัทเป็นลูกค้าของไอบีเอ็ม บริษัทที่มีการเอาท์ซอร์สทางไอที ล้วนตระหนักถึงการปรับปรุงการดำเนินธุรกิจในระยะยาวได้ดังนี้ |
-การเติบโตทางรายได้ที่สูงขึ้น หลังจากการเอาท์ซอร์สทางไอที บริษัทที่ทำการเอาท์ซอร์ททางไอที มีการเติบโตทางรายได้ในแต่ละปี ในอัตราร้อยละ 11.8 มากกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโดยรวม |
-ค่าใช้จ่ายด้านการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไปและค่าใช้จ่ายด้านธุรการ หรือค่าใช้จ่ายด้านเอส จีแอนด์เอลดลง หลังจากที่มีการเอาท์ซอร์สทางไอทีประมาณ 1-2 ปี บริษัทที่มีการเอาท์ซอร์ททางไอที สามารถลดอัตราค่าใช้จ่ายด้านนี้ได้ถึงร้อยละ9.9 เมื่อเปรียบเทียบอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโดยรวม |
-การเติบโตด้านผลตอบแทนทางสินทรัพย์ (Return on Asset) ก่อนการทำเอาท์ซอร์ส อัตราการเติบโตของผลตอบแทนทางสินทรัพย์ อยู่ที่ร้อยละ 7.5 ซึ่งเป็นอัตราที่น้อยกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโดยรวม หลังจากเอาท์ซอร์ททางไอทีไปสองถึงสามปี บริษัทที่มีการทำเอาท์ซอร์สทางไอที มีการเติบโตทางไอทีร้อยละ 8.6 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโดยรวม |
a |
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ ใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณ จัดทำโดยนักวิทยาศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์ตัวเลข ที่สถาบันวิจัยไอบีเอ็ม วัตสัน นักวิจัยได้วิเคราะห์ผลการดำเนินงานทางด้านการเงินของแต่ละบริษัท เป็นเวลา 2 ปีก่อนการทำเอาท์ซอร์สและวัดผลเปรียบเทียบผลการดำเนินการภายหลังการทำเอาท์ซอร์สแล้วเป็นเวลา 3 ปี ทีมงานการวิจัยของไอบีเอ็ม มีลิขสิทธิ์ที่รอการจดทะเบียนเพื่อป้องกันทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจากการวิจัยทางสถิตินี้ จะช่วยทำให้เกิดเทคนิคใหม่ ๆ ในการวัดการเปลี่ยนแปลงด้านผลการดำเนินงานของธุรกิจในช่วงระยะยาวได้ |