เนื้อหาวันที่ : 2009-08-04 16:20:02 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1600 views

DRT ทุ่มทุน เปิดโชว์รูมแห่งแรก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนกรุง

"กระเบื้องหลังคาตราเพชร" รุกเข้าเมือง ขยายฐานลูกค้า ทุ่มงบ 5 ล้านบาท เปิดตัวโชว์รูมใหม่ "To be a Better Choice" ตอบสนองไลฟสไตล์คนเมือง

"กระเบื้องหลังคาตราเพชร" ทุ่มงบ 5 ล้านบาท เปิดตัวโชว์รูมใหม่ "To be a Better Choice" เสนอตัวเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ตอบสนองไลฟสไตล์คนเมือง เตรียมความพร้อมทุกด้านทั้งผลิตภัณฑ์ และการบริการเจาะกลุ่มตลาดในเมือง  "ผู้บริหาร" ชี้ตลาดวัสดุก่อสร้างครึ่งปีหลัง 52 สดใสหลังรัฐเดินหน้าแผนลงทุนรถไฟฟ้าฉลุย กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างกลับมาคึกคัก

.

.

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์หลังคารุ่นเจียระไน รุ่น อดามัส และรุ่น CT เพชร ผลิตภัณฑ์ไม้ฝาและไม้สังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์แผ่นบอร์ด รวมถึงอุปกรณ์ประกอบหลังคา และบริการหลังการขาย ภายใต้ตราสินค้า "ตราเพชร" เปิดเผยว่า จากการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของบริษัทฯ ล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดโชว์รูมสินค้า ภายใต้ชื่อ "To be a Better Choice"  ขึ้นเป็นครั้งแรก ภายในสำนักงาน

.

บนพื้นที่ 500 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าในเมือง โดยโชว์รูมดังกล่าวจะเน้นนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของคนเมือง โดยจะเน้นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ และความทันสมัย  ได้แก่ กระเบื้องคอนกรีต กระเบื้องเจียระไนแบบว่าว หรือรุ่น Thai Modern และ กระเบื้องเจียระไน รุ่น simply cut รวมทั้งสินค้าสำหรับตกแต่งผนัง ตลอดจนอุปกรณ์ติดตั้งหลังคา

.
สำหรับโชว์รูม "To be a Better Choice" นี้ เกิดขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีผู้สนใจติดต่อสอบถามขอเข้าชมสินค้าเป็นจำนวนมาก บริษัท จึงมองว่าควรจะมีโชว์รูมไว้จัดแสดงสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการแวะชมสินค้าได้ทันที และยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อได้ด้วย ขณะที่การใช้ชื่อว่า "To be a Better Choice" นั้น ก็สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของทีมผู้บริหารที่ต้องการให้บริษัทฯ "เป็นทางเลือกที่ดีกว่า" สำหรับลูกค้า
.

อีกทั้งโชว์รูมยังเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ต้องการข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าและบริการ เพราะทำเลที่ตั้งของโชว์รูมอยู่กลางใจเมือง มีแนวรถไฟฟ้าผ่าน ทำให้สะดวกในการเดินทาง ประกอบกับเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มสถาปนิก เจ้าของโครงการ และโดยเฉพาะกลุ่มเจ้าของบ้าน ที่ต้องการชม สัมผัส และเลือก ทั้งแบบและสีของกระเบื้องหลังคา และสินค้าต่างๆ โดยตรงด้วยตนเอง สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อสินค้า ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายต่อไป

.

และนอกจากโชว์รูม จะแสดงผลิตภัณฑ์กลุ่มกระเบื้องหลังคาแล้ว ยังมีการนำเสนอสินค้าในกลุ่มอื่นๆ อีกด้วย เช่น แผ่นบอร์ด ไม้ฝา ไม้ระแนง และไม้สังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้น และยังเป็นที่ให้คำปรึกษาในด้านของ Roof Solution และ Roof Renovation โดยทีมงานบริการเทคนิคที่มีความชำนาญและประสบการณ์ทางด้านหลังคาอีกด้วย

.

"บริษัทฯ ใช้งบลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท ในการก่อสร้างทั้งในส่วนของการสร้างสำนักงานและโชว์รูม ทั้งนี้การเปิดโชว์รูม ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญ  เนื่องจากเรากำลังจะรุกเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าในเมือง ซึ่งบริษัทฯ มองว่าเป็นตลาดที่ยังมีการเติบโตสูง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็มีศักยภาพไม่แพ้คู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาดนี้ ทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้า ความเชี่ยวชาญของทีมงาน ตลอดจนการบริการลูกค้า ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการเดินหน้ารุกตลาดทุกกลุ่ม ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายในอนาคตให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง" นายสาธิต กล่าว

.

สำหรับกลยุทธ์และแผนการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้าและการบริการ และสร้างความแตกต่างให้เหนือจากคู่แข่ง โดยมีทีมตัวแทนของบริษัทฯ จากหน่วยงานต่างๆ เข้าไปให้ความรู้ อบรม สาธิตการทำงานให้ได้ตามมาตรฐานที่ DRT ได้วางไว้

.

อาทิเช่น การจัดฝึกอบรมการติดตั้ง ให้แก่ช่างท้องถิ่น การเข้าไปช่วยจัดหน้าร้านและกองเก็บสินค้า การอบรมพนักงานขาย ทั้งร้านค้าตัวแทนจำหน่าย รวมไปถึงร้านค้าช่วง ที่บริษัทฯ ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี เพื่อเป็นโอกาสในการเพิ่มตัวแทนจำหน่าย ที่ได้ตั้งเป้าจะเพิ่มอีกอย่างน้อย 100 รายภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่มี 600 ราย

.

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะออกสินค้าใหม่ โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 465 ล้านบาท ซึ่งได้ทำสัญญาซื้อเครื่องจักรสายการผลิต NT9 กับบริษัท MFL Faserzementanlagen Ges.m.b.H แห่งประเทศออสเตรีย

.

โดยสายการผลิต NT9 จะผลิตแผ่นผนัง ไม้ฝา ไม้พื้น และไม้สังเคราะห์ต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตสินค้าออกจำหน่ายได้ในช่วงประมาณต้นปี 2553 โดยจะสามารถผลิตแผ่นผนังได้ประมาณ 50,000 ตัน/ปี เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นงานโครงการอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้กับบริษัทฯ นอกเหนือจากกลุ่มสินค้ากระเบื้องหลังคา 

.

รองกรรมการผู้จัดการสายงานการขายและการตลาด DRT ยังกล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง 2552 มองว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากเริ่มมีความชัดเจน และเดินหน้าในเรื่องของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะแผนการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และโลจิสติกส์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการเริ่มมีการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็จะส่งผลดีให้กับตลาดวัสดุก่อสร้างไปด้วย

.

"ตลาดวัสดุก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาการเมือง และความไม่สงบภายในประเทศ แต่จากการเดินหน้าตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่มีความคืบหน้าเป็นลำดับก็จะส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกล้าที่จะลงทุนใหม่ๆ ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มที่ดีขึ้น" นายสาธิต กล่าวทิ้งท้าย