เนื้อหาวันที่ : 2009-08-03 11:40:19 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 496 views

นูเรียล รูบินีคาดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นในปีหน้าหลังภาวะศก. ถดถอยน้อยลง

นูเรียล รูบินี คาดราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะปรับตัวสูงขึ้นมากกว่านี้ในปีหน้า เหตุภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยเริ่มคลี่คลายลง ชี้จะเริ่มเห็นแสงสว่าง

ศาสตราจารย์นูเรียล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และเป็นผู้คาดการณ์ว่าจะเกิดวิกฤตการเงินในปี 2549 นั้น กล่าวในการสัมนาเหมืองแร่ที่ออสเตรเลียว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะปรับตัวสูงขึ้นมากกว่านี้ในปีหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยเริ่มคลี่คลายลง และที่ปลายอุโมงค์ก็เริ่มมีแสงสว่างขึ้นมากแล้ว

.

ดัชนี Reuters/Jefferies CRB ของสินค้าโภคภัณฑ์ 19 ประเภท ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 12% ในปีนี้ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมีส่วนช่วยกระตุ้นดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นด้วยเช่นกัน โดยราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นแล้ว 56% ในปีนี้ ขณะที่ราคาทองแดงทะยานขึ้น 86% 

.

บลูมเบิร์กรายงานว่า รูบินีเป็นผู้เชี่ยวชาญอีกรายที่มีความคิดเห็นไปในทำนองเดียวกันกับนายอลัย กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐที่มองเห็นสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 

.

"เศรษฐกิจสหรัฐอาจขยายตัวในอัตรา 2.5% เมื่อดูจากตัวเลขสต็อกสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ว่าปริมาณการผลิตปรับตัวขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์ของผู้บริโภค ผมมีมุมมองในด้านบวกต่อเศรษฐกิจในระยะใกล้ เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีเสถียรภาพบ้างแล้ว แต่ในระยะยาวนั้น เศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงและตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเป็นตัวแปรสำคัญ           

.

ซึ่งหากราคาบ้านดิ่งลงราว 5% เศรษฐกิจก็อาจจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง แต่หากราคาบ้านร่วงลงมากกว่า 10% เศรษฐกิจก็อาจจะยังอยู่ในภาวะหดตัว และจำนวนบ้านที่ถูกยึดเพราะหลุดจำนองก็จะพุ่งขึ้นด้วย" กรีนสแปนกล่าวในรายการ "This Week" 

.

ขณะที่ศ.รูบินีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงใกล้สิ้นปีนี้ ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาอยู่ในภาวะถดถอยช่วงปลายปี 2553 หรือ 2554 เนื่องจากหนี้สินภาครรัฐบาลที่สูงขึ้น ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และอัตราการขยายตัวด้านแรงงานที่หยุดชะงัก

.

การขยายตัวทางเศรษฐกิจในจีนซึ่งเป็นประเทศที่ใช้โลหะรายใหญ่สุดในโลกนั้น ขยายตัวขึ้น 7.9% ในไตรมาส 2 นอกจากนี้ จีนยังแซงหน้าญี่ปุ่นในตำแหน่งตลาดหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เมื่อพิจารณาในแง่ของมูบค่าเมื่อวันที่ 16 ก.ค. หลังจากที่การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้ยอดการปล่อยสินเชื่อพุ่งสูงขึ้น และราคาหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ ศจ.รูบีนีคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 8%