ชาวบ้าน-ชาวนาเมืองขุนแผน ยันมีนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่นาจริง จี้รัฐบาลให้ความสำคัญช่วยเหลือจริงจัง หวั่นคนไทยต้องทานข้าวไทยในราคาแพง
. |
ชาวบ้าน-ชาวนาเมืองขุนแผน ยันมีนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่นาจริง จี้รัฐบาลให้ความสำคัญช่วยเหลือจริงจัง หวั่นคนไทยต้องทานข้าวไทยในราคาแพง ชี้คาดว่ามีที่นาถูกกว้านซื้อไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1 พันไร่ ด้าน พนง.ธ.ก.ส. ระบุ ชาวนาส่วนใหญ่ขณะนี้ ต้องเช่าที่ทำนาเพราะขายกินหาเงินใช้หนี้ ส่วนที่เมืองกาญจน์ พบปัญหานายทุนไต้หวันกว้านซื้อที่ทำแร่แมงกานีส ปลูกยาง ทำสวนปาล์ม ขณะที่หัวหิน พบปัญหาต่างชาติให้เมียคนไทยซื้อที่ดินทำกิน |
. |
ภายหลัง "เดลินิวส์" ตีแผ่ปัญหาชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาติอาหรับ ที่ใช้ตัวแทนหรือ "นอมินี" เข้ามากว้านซื้อที่ดินในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อทำเกษตรกรรมส่งพืชผลกลับไปบริโภคยังประเทศของตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าไม่ต่างจากการล่าอาณานิคมทางการเกษตร ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว |
. |
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. นายอำนวย ฉิมพันธุ์ อดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยถึงกรณีนายทุนต่างชาติที่ใช้นอมินีคนไทยซื้อที่นาในสุพรรณบุรี ว่า ขณะนี้มีนายหน้าเข้ามาติดต่อเจ้าของที่ดินที่พื้นที่ อ.หนองหญ้าไซ และ อ.ดอนเจดีย์ เนื่องจากเกษตรกรบางรายที่ยากจนหรือไม่ประสบผลสำเร็จในการทำนาเป็นหนี้ธนาคารกันมาก |
. |
ดังนั้นเกษตรกรจึงน่าจะหาทางออกด้วยการขายที่นาให้กับนายหน้าเหล่านี้ ที่ ต้องการที่นา 80-200 ไร่ ในราคาไร่ละ 60,000 - 80,000 บาท ส่วนมากจะซื้อที่นาที่อยู่รอยต่อเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน เพราะราคาไม่แพง "ผมอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะต่อไปที่นาของคนไทยจะตกเป็นของต่างชาติทั้งหมด โดยชาวต่างชาติจะเป็นผู้จัดการที่นา ใช้เครื่องจักรกลเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมทั้งกักตุนและกำหนดราคาเอง เชื่อว่าในอนาคตคนไทยจะบริโภคข้าวราคาแพงจากชาวต่างชาติเหล่านี้" |
. |
ด้านนายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง อายุ 65 ปี เกษตรดีเด่นแห่งชาติ อาชีพทำนา ประจำปี 2549 อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 6 ต.วังหว้า อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยถึงนายทุนต่างชาติที่ซื้อที่นาคนไทยว่า ปัญหานี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดแต่เกิดมานานแล้ว ส่วนใหญ่มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังแทบทั้งสิ้น ในส่วนของ จ.สุพรรณบุรี เชื่อว่าปัจจุบัน มีที่นาไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ หรือมีมากกว่านั้น ที่ตกเป็นของนายทุนต่างชาติไปแล้ว แต่ใช้ชื่อคนไทย โดยเฉพาะนักการเมืองหรือคนใกล้ชิดสนิทสนมนักการเมือง แต่จะให้ชี้ว่าตรงไหนคงจะยาก เพราะแม้แต่ชาวนาที่ขายที่ไปแล้วยังไม่รู้ว่าขายให้คนต่างชาติ เพราะนึกว่าขายให้คนไทยด้วยกัน |
. |
ด้าน พนักงาน ธ.ก.ส.รายหนึ่ง ซึ่งนำชาวนาที่เป็นลูกหนี้และเข้าโครงการพักชำระหนี้ มาดูงานที่บ้านนายทองเหมาะ เพื่อศึกษาการทำนา ที่ถูกวิธี กล่าวว่าผู้ที่มาดูงานเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นหนี้ธนาคาร และส่วนใหญ่ไม่มีที่ทำนาเป็นของตนเอง เนื่องจากขายที่นาไปหมดแล้วต้องเช่า ที่ทำนา จึงมาดูงานเพื่อที่ต้องการจะลืมตาอ้าปาก หลายรายจึงต้องขายที่นาให้กับนายหน้าคนไทย แต่ไม่รู้ว่าที่นาดังกล่าวใครเป็นเจ้าของตัวจริง |
. |
อย่างไรก็ตาม "เดลินิวส์" ยังพบการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติ เพื่อใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่น ๆ อีกมาก โดยชาวนารายหนึ่ง เปิดเผยว่า ปี 2551 ได้มีนายทุนชาวไต้หวัน มากว้านซื้อที่ดินบ้านโป่งรี หมู่ที่ 6 ต.หนองรี อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ประมาณ 1,200 ไร่ ซึ่งในบริเวณนั้นเป็นแหล่งแร่แมงกานีส โดยพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ 2481 ของกรมธนารักษ์ ดูแลและใช้พื้นที่โดยทหาร ซึ่งเมื่อประมาณปี 2528 ได้มีการออกเอกสารสิทธิเป็น นส. 3 ก. |
. |
ต่อมาช่วงประมาณปี 2542-2543 ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารทำเรื่องเพิกถอนเอกสารสิทธิ ทำให้มีนายทุนชาวไต้หวันได้มากว้านซื้อไปดังกล่าว และ ยังมีอีกบางพื้นที่ใน อ.บ่อพลอย ทั้งนี้ มีรายงานข่าวด้วยว่า ยังมีพื้นที่อีกจำนวนมากที่ถือครองโดยชาวต่างชาติในลักษณะเดียวกัน เพื่อที่จะปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมันในเขตพื้นที่ อ.ไทรโยค รวมถึง อ.เมืองกาญจนบุรี |
. |
ด้านนายอนุภาพ นกสกุล อายุ 43 ปี เจ้าของบริษัทหัวหินแกร์นนิคมาเบอล์ จ.ประจวบ คีรีขันธ์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ราย ใหญ่ กล่าวว่าธุรกิจซื้อขายบ้านย่ำแย่มากกว่า 2 ปี เหตุผลหนึ่งมาจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ แต่ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาอีก อย่าง คือ ชาวต่างชาติ จากแต่ก่อนที่เดินทางมาในรูปแบบนักท่องเที่ยว |
. |
แต่ปัจจุบันได้มีการซื้อบ้านพักอาศัย รวมทั้งหันมาลงทุนทำธุรกิจไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ โดยธุรกิจยอดฮิตในเมืองท่อง เที่ยวอย่างหัวหิน คือ การเปิดร้านอาหาร เพราะมีเงินอย่างเดียวก็สามารถทำได้เนื่องจากเสียค่าเช่าที่เท่านั้น ขณะนี้ที่ดินในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน มีชาวต่างชาติที่มาซื้อไว้เป็นที่พักผ่อน โดยใช้ชื่อคนไทยหรือเมียคนไทยเป็นเจ้าของจำนวนมากเช่นกัน |
. |
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ |