เนื้อหาวันที่ : 2009-07-27 16:59:47 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1527 views

คลัง ชงเอ็กซิมแบงก์เป็น ธ.เพื่อการพัฒนา

รมช.คลัง มอบนโยบายเอ็กซิมแบงก์เร่งขยายบทบาทเป็น"ธนาคารเพื่อการพัฒนา" หนุนลงทุนระบบโลจิสติกส์ พลังงานและพลังงานทดแทน หวังหนุนผู้ประกอบการรุกสร้างโอกาสทางการค้า

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

.

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง มอบนโยบายธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(เอ็กซิมแบงก์)ควรเร่งขยายบทบาทเป็น"ธนาคารเพื่อการพัฒนา" สนับสนุนโครงการลงทุนภายในประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ พลังงานและพลังงานทดแทน โดยกระทรวงการคลังพร้อมเพิ่มทุนเพื่อให้ธนาคารมีความเข้มแข็งในการขยายภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย และการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศ

.

ธนาคารจะต้องมีขีดความสามารถที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออก การนำเข้า และการลงทุนได้อย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและการพัฒนาของโดยการรุกสร้างโอกาสทางการค้า ลดปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ ให้ผู้ส่งออกไทยสามารถรักษาตลาดการค้าเดิมควบคู่กับการบุกตลาดใหม่ได้ 

.

ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน เครื่องจักร และเทคโนโลยีการผลิตควรได้รับการส่งเสริม เพื่อใช้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาทพัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้าของไทยให้แข่งขันได้ในตลาดการค้าระดับบนทั่วโลก 

.

นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ เอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคาร ช่วงครึ่งแรกปี 52 มีกำไรสุทธิ 104 ล้านบาท โดยได้อนุมัติวงเงินใหม่สำหรับสินเชื่อและบริการประกันการส่งออกจำนวนทั้งสิ้น 13,372 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนแก่ผู้ส่งออกและนักธุรกิจไทย และมีวงเงินสินเชื่ออยู่ในระหว่างการเจรจาลงนามในสัญญาอีก 12,992 ล้านบาท จึงคาดว่าทั้งปี ธนาคารจะนอุมัติสินเชื่อใหม่ได้กว่า  19,700 ล้านบาท

.

ยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อ ณ มิ.ย. 52 มีทั้งสิ้น 46,214 ล้านบาท มีภาระผูกพันประกันการส่งออก 13,071 ล้านบาท และสินทรัพย์ 59,628 ล้านบาท สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีจำนวน 4,113 ล้านบาท คิดเป็น 8.84 ของเงินให้สินเชื่อ  ขณะที่การแก้ไขหนี้มีผลสำเร็จ จำนวน 1,522 ล้านบาท ดังนั้น คาดว่า ครึ่งหลังปี 52 NPL จะลดลงอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท 

.

ทั้งนี้ ธนาคารได้เร่งขยายธุรกิจและบริการเพื่อบรรเทาผลกระทบของวิกฤตการเงินโลกต่อผู้ส่งออกไทย  โดยได้จัดทำโครงการประกันการส่งออก โดยลงนามในบันทึกความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐรวม 10 แห่ง เพื่อขยายบริการประกันการส่งออก (EXIMSurance)

.

คุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศให้แก่ผู้ส่งออกที่เป็นลูกค้าของธนาคารนั้นๆ รวมทั้งช่วยให้ผู้ส่งออกมีโอกาสได้รับการขยายสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกรมธรรม์ EXIMSurance เป็นหลักประกันประเภทหนึ่งที่สามารถโอนสิทธิการรับค่าชดเชยสินไหมทดแทนให้แก่ธนาคารผู้ให้กู้ได้  และธนาคารยังคงพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนผู้ส่งออก   

.

ธนาคารได้ปรับโครงสร้างการทำงานของสาขาและเปิดสาขาย่อยภายใต้ความร่วมมือกับธนาคารออมสินตามแนวนโยบาย "1 สาขา 2 ธนาคาร" เพื่อใช้พื้นที่สาขาร่วมกันและความเชี่ยวชาญของกันและกันให้บริการทางการเงินและคำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการในย่านธุรกิจและแหล่งชุมชน โดยปัจจุบันธนาคาร มีสาขาย่อยเปิดให้บริการ ณ ที่ทำการสาขาของธนาคารออมสินรวม 3 แห่ง ได้แก่ สาขาย่อยบางรัก วงเวียนใหญ่ และอ้อมใหญ่ และในครึ่งหลังปี 2552 จะเปิดสาขาย่อยเพิ่มอีก 4 แห่งได้แก่ สาขาย่อยติวานนท์ สาธุประดิษฐ์ จักรวรรดิ และสุราษฎร์ธานี