เนื้อหาวันที่ : 2009-07-21 10:31:54 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1247 views

ผู้ผลิตยางรถวิตกผลผลิตขาด

ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของโลก นัดหารือบริษัทร่วมทุนยาง 3 ชาติ วิตกผลผลิตยางไม่พอกับความต้องการ ชี้ไทยต้องมียางในสต็อกอย่างน้อย 2.6 แสนตัน

.

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า วันที่ 24 ก.ค.นี้ บริษัทร่วมทุนยางระหว่างประเทศ จำกัด จะหารือร่วมกับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของโลก ที่ประเทศอินโดนีเซีย เบื้องต้นผู้ผลิตยางรถยนต์แจ้งว่า ปัจจุบันแม้จะเกิดภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ความต้องการยางรถยนต์กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่นโยบายบริษัทร่วมทุนยางฯ กำหนดให้มีการปรับลดพื้นที่เพาะปลูก และจำกัดปริมาณการส่งออก ดังนั้นบริษัทจึงต้องการทราบข้อมูลทั้งหมดเพื่อใช้ในการวางแผนการผลิตยางรถยนต์ในระยะต่อไป

.

"บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์กังวลว่าจะไม่มียางส่งมอบ เพราะปีนี้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฝนตกหนักทำให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับพื้นที่ปลูกยางใหม่ยังไม่สามารถกรีดได้ ทำให้ยางในสต็อกของแต่ละประเทศลดลง กรณีไทยสต็อกแต่ละเดือนควรมีอย่างน้อย 2.6 แสนตัน แต่ตอนนี้มีเพียง 2 แสนตัน ทำให้ผู้ผลิตยางคาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ ซึ่งต้องการความมั่นใจจากไทย" นายสมชาย กล่าว

.

นายสมชาย กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคายางสูงขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 54 บาท ส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ความต้องการใช้ในตลาดสหภาพยุโรป หรืออียู เริ่มสูงขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อน ขณะที่จีนยังมีอัตราการเจริญเติบโตด้านอุตสาหกรรมรถยนต์โดยปีนี้สูง 24-25% แม้บริษัทผู้บริษัทรถยนต์บางรายได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและลดกำลังการผลิตที่ลดลง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความต้องการยางรถยนต์ เพราะต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน

.

"อัตราการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมจีน มีผลต่อราคายางของไทยมาก เนื่องจากเป็นตลาดส่งออกหลัก ที่ผ่านมาเรากังวลว่าเศรษฐกิจจีนจะเกิดฟองสบู่ แต่จากที่รัฐบาลจีนสามารถประคองเศรษฐกิจให้รอดได้ในปีนี้ ทำให้เรามั่นใจในตลาดนี้มากขึ้น สามารถนำมาประเมินสถานการณ์ราคายางของไทยได้ว่าแนวโน้มจะยังดีอยู่ ส่วนระดับราคาคาดว่าจะเพิ่มจากปัจจุบันไม่มากจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้จนกว่าถึงสิ้นปี" นายสมชาย กล่าว

.

นายสมชาย กล่าวว่า ราคายางที่สูงขึ้น ส่งผลให้การรับซื้อยางพารา ภายใต้โครงการสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกรรับซื้อยางพาราวงเงิน 8,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีการใช้เงินเพียง 100 ล้านบาท ถือว่าประสบผลสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะวัตถุประสงค์ของโครงการนี้เป็นผลด้านจิตวิทยาให้ราคาในตลาดสูงขึ้น

.

สำหรับราคายางเฉลี่ยขณะนี้กิโลกรัมละ 54 บาท ถือว่าต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 100-110 บาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาวะราคาน้ำมันดิบที่ผันผวนมาก ส่วนราคายางตลาดกลางยางพารา ตลาดสงขลา วานนี้ (20 ก.ค.) ยางแผ่นดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 54.30 บาท ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ชนิดไม่อัดก้อนกิโลกรัมละ 56.89 บาท น้ำยางสดกิโลกรัมละ 51 บาท

.
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์