เนื้อหาวันที่ : 2009-07-20 11:17:31 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2032 views

ไมโครซอฟท์มัลติพอยท์ ลดช่องว่างดิจิทัลให้นักเรียน กทม.

ไมโครซอฟท์ เดินหน้าลุยนโยบายผลักดันการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกันการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ส่งเสริมเด็กไทยคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์และนำเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

.

ดำเนินการต่อเนื่องตามนโยบายของผู้บริหารไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กับแผนดำเนินการผลักดันการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ที่มุ่งเน้นส่งเสริมให้เด็กไทยคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์มากขึ้น และสามารถนำเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยเฉพาะทางด้านการศึกษา

.

ล่าสุด...ไมโครซอฟท์ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดทำโครงการ "ไมโครซอฟท์ เอ็ดดูเคชั่น อัลไลแอนซ์" (Microsoft Education Alliance) ใช้นวัตกรรมลดช่องว่างทางเทคโนโลยี กระจายการเรียนรู้สู่ 435 โรงเรียนในสังกัดกทม.

.

"ปฐมา จันทรักษ์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ไมโครซอฟท์ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามาพัฒนาการศึกษา เนื่องจากการศึกษาคือรากฐานของการพัฒนาด้านอื่น ๆ ซึ่งเทคโนโลยีสามารถสร้างโอกาสและขยายผลการเรียนรู้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ทั้งนี้ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ และนำเทคโนโลยีเข้าไปสนับสนุน มุ่งส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับการเรียนการสอน ทำให้เกิดการแบ่งปันประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีระหว่างชุมชนครูและนักเรียน และขยายโอกาสไปยังผู้ที่อยู่นอกระบบการศึกษาอีกด้วย

.

สำหรับความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครครั้งนี้  เทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ที่จะถูกนำมาใช้ ก็คือ ไมโคร  ซอฟท์ มัลติพอยท์ โปรแกรม (Microsoft MultiPoint Program) และไมโครซอฟท์ แอคเซ็สซิบิลิตี้ (Microsoft Accessibility)

.

โดยไมโครซอฟท์ มัลติพอยท์ เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีซอฟต์แวร์รูปแบบใหม่ จะถูกนำมาใช้บูรณาการกับการเรียนการสอนใน 8 กลุ่มสาระวิชาของโรงเรียนในสังกัด กทม. อาทิ คณิตศาสตร์ สังคม วิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ  

.

โปรแกรมดังกล่าวจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เพียงหนึ่งเครื่อง สามารถใช้งานร่วมกับเมาส์จำนวนมาก ลดข้อจำกัดเรื่องงบประมาณในการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีให้กับนักเรียนเพราะลงทุนคอมพิวเตอร์แค่ 1 เครื่องในแต่ละห้อง พร้อมเมาส์เท่ากับจำนวนนักเรียนก็เพียงพอ สำหรับการเรียนรู้ โดยนักเรียนแต่ละคน สามารถใช้เมาส์ของตัวเองควบคุมเคอร์ เซอร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษบนหน้าจอและเรียนรู้ไป  พร้อม ๆ กัน

.

นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นจากศูนย์วิจัยของไมโคร ซอฟท์นี้นำร่องใช้ในประเทศไทยเป็นประเทศแรก เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ปัจจุบันมีการใช้งานโปรแกรมนี้ใน 500 โรงเรียนทั่วประเทศ และหลังจากร่วมมือกับโรงเรียนในสังกัด กทม. กว่า 400 แห่งแล้ว จะมีการขยายโครงการสู่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ

.

ส่วน ไมโครซอฟท์ แอคเซ็สซิบิลิตี้ จะเป็นหลักสูตรที่ใช้เพื่อขยายโอกาสการเรียนรู้อย่างเท่าเทียมกันทั้งครู นักเรียนปกติ และนักเรียนพิเศษในโรงเรียนเด็กพิการร่วม สังกัด กทม. ซึ่งที่ผ่านมานักเรียนพิเศษ เช่น นักเรียนที่พิการทางสายตา พิการทางร่างกายอื่น ๆ อาจจะไม่ได้รับความเท่าเทียมกันในการเรียนรู้ แต่เมื่อใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ผู้พิการที่มีปัญหาทางสายตาหรือผู้พิการทางการเคลื่อนไหวจะมีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป

.
นี่ก็คือเทคโนโลยีที่ถูกนำมาช่วยลดช่องว่างทางการศึกษา และเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ให้กับ เด็กไทย !!!.
.
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์