เนื้อหาวันที่ : 2006-11-08 19:54:58 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 961 views

ก.อุตสาหกรรม ทุ่มงบกว่า1,200 ล้านบาทพัฒนาเอสเอ็มอีไทย

กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กำหนด 6 โครงการพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อัดงบประมาณรัฐผ่านสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จำนวน 1,200 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี เห็นผล

สำนักข่าวไทยรายงานข่าว กระทรวงอุตสาหกรรมจะให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  ดูแล 6 โครงการพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐผ่านสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จำนวน  1,200  ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ  1 ปี  โดยจะเริ่มเมื่อพร้อมและเตรียมระดมสมองกำหนดทิศทางสินค้าโอท็อป ปี 2550 วันที่ 16 พฤศจิกายนนี้

.

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงแนวทางการสนับสนุนพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยในส่วนของเอสเอ็มอี ว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายให้ภาคเอกชนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนร่วมคิดร่วมทำและได้ให้ ส.อ.ท. หารือกับ สสว. ร่วมกันประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาเอสเอ็มอี ล่าสุดได้ข้อสรุปว่าจะทำทั้งหมด 6 โครงการ 

.

สำหรับ  6 โครงการ ประกอบด้วยโครงการยกมาตรฐานอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และยางโครงการศูนย์บ่มเพาะ เอสเอ็มอีระดับ 5 ภาค 5 ศูนย์ โครงการจับคู่ทางธุรกิจเพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายเชื่อมโยงหากัน โครงการฟื้นฟู สภาพเครื่องจักร โครงการเครือข่ายระบบจัดส่งสินค้าและพัสดุหรือโลจิสติกส์ ซึ่งจะทำงานระหว่างผู้ประกอบการ เพื่อลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจและโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับจังหวัดและภูมิภาค ซึ่ง สสว.และ ส.อ.ท.จะร่วมกันดำเนินการทั้ง 6 โครงการกระทรวงอุตสาหกรรมจะเสนอของบประมาณจากรัฐบาลรวม 1,200 ล้านบาท  คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนและจะดำเนินการใน 1 ปี

.

นายโฆสิต กล่าวอีกว่า การบริหารทั้ง 6 โครงการนี้ ส.อ.ท.จะทำหน้าที่สรรหาคัดเลือกผู้จัดการที่เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาดูแลแต่ละโครงการ ส่วนการใช้จ่ายเงินดำเนินโครงการจะมี สสว.เป็นผู้เบิกจ่าย ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะนำแนวคิดนี้ไปหารือกับ ส.อ.ท.ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ และการที่ให้ ส.อ.ท.ดูแลโครงการทั้งหมดไป

.

ดูแล การประเมินผลกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้ประเมินหรืออาจจะจ้างสถาบันประเมิน ส่วน สสว. จะทำหน้าที่บริหารโครงการที่มีอยู่แล้วต่อไป ซึ่งมีงบประมาณ 500 ล้านบาท และจะดูแลการเบิกจ่าย 1,200  ล้านบาท ทั้ง 6 โครงการให้ ส.อ.ท.ดูแลด้วย ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ติดต่อสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยร่วมพัฒนาเอสเอ็มอีนั้น เพราะสภาหอการค้าฯ จะดูแลภาพกว้าง แต่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการเน้นภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 

.

ทั้งนี้ วันที่ 16 พฤศจิกายนนี้กระทรวงอุตสาหกรรมจะประชุมเกี่ยวกับสินค้าโอท็อป เพื่อเสนอการประเมินผลและเปิดโอกาสให้มีการระดมความคิดเห็นว่าแผนปฏิบัติการของโอท็อป ในปี 2550 ควรจะมีทิศทางอย่างใด โดยจะเชิญนักวิชาการ ประชาชน นักธุรกิจที่สนใจร่วมระดมความคิดเห็น

นางอรรชกา ศรีบุญเรือง บริมเบิล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายที่จะให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยเพิ่มผลิตภาพนั้น วันที่ 17 พฤศจิกายนี้ สศอ.จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นในการเพิ่มผลิตภาพให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย

.

คาดว่าจะมีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชน  ส.อ.ท. สมาคมที่เกี่ยวข้อง นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ  รวมถึงตัวแทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประมาณ 200 คนร่วมประชุม โดยจะพิจารณา 3 ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลิตภาพในการผลิตของผู้ประกอบการ คือ ทักษะแรงงาน การบริหารจัดการ และปัจจัยสนับสนุน ส่วนเทคโนโลยีจะแยกจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ โดยจะร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ.