เดลต้า เผยอาศัยจุดแข็งฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งเจรจาซื้อกิจการเพิ่มในยุโรปและสหรัฐ ชี้เป็นจังหวะและโอกาสชิงความได้เปรียบคู่แข่งช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว คาดสรุปการลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในอินเดียใต้ ช่วงไตรมาส 3/52
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) |
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย)หรือ DELTA เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/52 บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ในอินเดียตอนใต้ และ การเจรจาซื้อกิจการเพิ่มเติมในยุโรปและสหรัฐ ซึ่งเป็นจังหวะโอกาสที่จะชิงความได้เปรียบคู่แข่งในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว โดยอาศัยจุดแข็งฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง แต่ยอมรับรายได้และกำไรปีนี้รับผลกระทบเต็ม ๆ |
สำหรับการเข้าไปสร้างโรงงานใหม่ในแถบอินเดียทางตอนใต้ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจราจาและตกลงราคาการซื้อที่ดินกับรัฐบาลอินเดีย เพื่อผลิตสินค้าออกมารองรับความต้องการในประเทศอินเดียที่ยังมีอยู่มาก โดยบริษัทคาดว่าจะใช้โรงงานแห่งใหม่เป็นฐานการผลิตสินค้าชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ซึ่งจะใช้ศักยภาพของพื้นที่ที่ติดทะเลเพื่อการส่งออกทางอ้อม(Indirect Export)คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 200-300 ล้านบาท |
ปัจจุบัน DELTA มีโรงงานในพื้นที่อินเดียตอนเหนือในการผลิต UPS, power supply, power system, LCD TV เพื่อป้อนตลาดภายในประเทศอินเดียเท่านั้น |
ขณะทีการเจรจาซื้อกิจการในต่างประเทศอยู่ระหว่างการเจรจา 2-3 แห่งทั้งยุโรปและสหรัฐนั้น คาดว่าในช่วงต้นเดือน ส.ค.นี้จะนำข้อมูลของแต่ละแห่งมาพิจารณา อาจจะเลือกให้เหลือเพียงรายเดียวหรือ 2 ราย เพื่อขยายตลาดและสร้างกำไรเพิ่มขึ้น โดยบริษัทได้เตรียมเม็ดเงินลงทุนไว้แล้วกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ |
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า บริษัทมองว่าช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวมาก ซึ่งก็จะทำให้คู่แข่งลดลง ดังนั้น บริษัทจะใช้เวลาช่วงนี้ในการบุกตลาดเพื่อแซงหน้าผู้ประกอบการรายอื่น โดยอาศัยความแข็งแกร่งในด้านเงินทุนที่มีกระแสเงินสดสูงถึง 8-9 พันล้านบาท ดังนั้น แม้จะมีการลงทุนมากก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน |
"มองว่าในไตรมาส 3 จะเลวร้ายที่สุดของเศรษฐกิจตกต่ำแต่การที่ใครก็ตามที่มีความแข็งแกร่งในด้านเงินทุนก็จะได้เปรียบ ผมว่าที่ผ่านมาต้องมีคนที่บาดเจ็บ แต่ในขณะเดียวกันเมื่อเศรษฐกิจเลวร้ายก็อาจจะกลายเป็นจังหวะซื้อของถูก เราเองก็พัฒนาสินค้าไปเรื่อย ๆ เตรียมพร้อมกับการพื้นตัวที่จะกลับมา แม้ในปีนี้จะหวังมากไม่ได้ก็ต้องยอมรับ เพราะทุกคนรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นตอนนี้" นายอนุสรณ์ กล่าว |
*คาดปีนี้รายได้-กำไร พลาดเป้า-ต่ำกว่าปีก่อน |
กรรมการบริหาร DELTA ยอมรับว่า บริษัทมีความกังวลต่อรายได้และกำไรในปีนี้จะลดลงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้คงจะลดลงมาอยู่ที่ 880 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทก็พยายามทำให้ได้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เป้าหมายเดิมอยู่ที่ 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้านกำไรสุทธิคงจะลดลงกว่าปีก่อนเช่นกัน แม้จะรักษาอัตรากำไรสุทธิใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 8.8% |
. |
ผลกระทบเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ drop ลงไป แม้ตอนนี้จะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นบ้างแต่ก็เป็นเพียงบางกลุ่มเท่านั้น และมองว่าการฟื้นตัวที่แท้จริงน่าจะเริ่มเห็นในไตรมาส 4/52 หากเศรษฐกิจยุโรปผ่านจุดต่ำสุดได้ในช่วงไตรมาส 3/52 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและตลาดยุโรปแย่กว่าที่คาดไว้ |
. |
แม้ในช่วงต้นไตรมาส 2/52 จะเริ่มมีออเดอร์เข้ามา แต่ดูแล้วยังเป็นออเดอร์ที่ไม่แท้จริง และการฟื้นตัวเศรษฐกิจของยุโรปจะช้ากว่าสหรัฐ ขณะที่ไตรมาส 2/52 คาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/52 ที่มีรายได้ 6,359 ล้านบาท "หากได้เห็นจุดต่ำสุดของยุโรปในไตรมาส 3 ก็จะทำให้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นในไตรมาสที่เหลือ"นายอนุสรณ์ กล่าว |
. |
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า บริษัทพยายามหันมาผลิตสินค้าใหม่ที่มีเทคโนโลยีสูง( (Higher end custom designed power supplies)เพิ่มขึ้น จากเดิมที่เน้นผลิตสินค้าอิเล็คโทรนิคส์ปกติ ทั้งนี้เพื่อประคองรายได้ไม่ให้ปรับลดลงมาก อย่างช่วงที่ผ่านมาก็ได้ผลิตตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่เป็นตัวผลักดันยอดขาย ซึ่งขณะนี้เริ่มมีออเดอร์เพิ่มขึ้นบ้างแล้วจากทางสหรัฐฯ อนึ่ง ในปี 51 บริษัททำยอดขายได้ 32,851 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,898 ล้านบาท |
. |
ส่วนไตรมาส 1/52 บริษัทมียอดขายลดลงร้อยละ 16.6 จากจำนวน 7,628 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันปีก่อน เหลือ 6,359 ล้านบาท กำไรสุทธิได้ลดลงร้อยละ 36.1 จากจำนวน 800 ล้านบาทเป็น 511 ล้านบาทในไตรมาสนี้ |