บีโอไอ เผยเดือนม.ค. - มิ.ย. 52 นักลงทุนขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอ 465 โครงการลดลงถึง 22% เหตุวิกฤติเศรษฐกิจโลกกระทบทำให้บริษัทแม่ชะลอแผน นักลงทุนไทยสวนกระแสเชื่อ 1-2 ปี เศรษฐกิจฟื้น
. |
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรม การส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่าเดือนม.ค.-มิ.ย. 52 นักลงทุนขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอ 465 โครงการลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22% วงเงินลงทุน 183,700 ล้านบาท ลดลง 7% หรือลดลง 13,500 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อบริษัทแม่ในต่างประเทศหลายแห่งชะลอแผน หรือลดขนาดโครงการลงทุนของบริษัทลูกทั่วโลกเพื่อประคองธุรกิจ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐไต้หวัน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ที่มีปริมาณเงินลงทุนลดลงมาก |
. |
"นักธุรกิจไทยมีปริมาณการลงทุนเพิ่มจากปีก่อนมาก เพราะมั่นใจว่าอีก 1-2 ปีเศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาเหมือนเดิมจึงต้องลงทุนช่วงวัสดุก่อสร้างและต้นทุนอื่นมีราคาต่ำ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพบว่าบริษัทแม่บางรายประสบปัญหาขาดทุนจึงจำเป็นต้องขายบริษัทลูกในต่างประเทศเพื่อใช้หนี้ ส่วนบริษัทลูกในไทยหลายรายยังอยู่ได้แต่บางส่วนจำเป็นต้องหาแหล่งเงินกู้ในไทยเองกรณีที่ต้องการขยายกิจการ" |
. |
สำหรับอุตสาหกรรมที่มีผู้สนใจขอรับส่งเสริมการลงทุนมากสุดช่วง 6 เดือนแรก คือ บริการและสาธารณูปโภค 140,600 ล้านบาท เพิ่มถึง 75% หรือ 80,500 ล้านบาท รองลงมา เกษตรและผลิตผลจากการเกษตร 14,800 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11% อุตสาหกรรมโลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง 12,300 ล้านบาทลดลง 32% |
. |
นอกจากนี้วันที่ 15 ก.ค. 52 บีโอไอจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน 4 โครงการรวมมูลค่า 7,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการผลิตขวดพลาสติกของบริษัทโออิชิ เทรดดิ้งส์ 1,430 ล้านบาทตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ของบริษัทสยามโซล่าส์ เอ็นเนอร์ยี่ 2,400 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดินและเงินทุนหมุนเวียน |
. |
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ |