พัชวัฏ เผยพาณิชย์ต่ออายุมาตรการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำเข้าจาก 14 ประเทศออกไปอีก 5 ปี ทำให้เสียโอกาสที่จะหาวัตถุดิบผลิตท่อเหล็กในราคาต่ำ ชี้ต่ออายุ AD สหวิริยาฯ เท่านั้นที่ได้ประโยชน์
. |
นายพัชวัฏ คุณชยางกูร ประธานกรรมการ บมจ.สามชัย สตีล อินดัสทรี(SAM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กเพื่อใช้งานในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เปิดเผยว่า การที่กระทรวงพาณิชย์ต่ออายุมาตรการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด(AD)เหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำเข้าจาก 14 ประเทศออกไปอีก 5 ปี ทำให้บริษัทเสียโอกาสที่จะสามารถหาวัตถุดิบผลิตท่อเหล็กในราคาต่ำลง แต่คงไม่มีผลกระทบในทางลบมากนักเพราะบริษัทสามารถปรับราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนได้อยู่แล้ว |
. |
"การต่ออายุ AD ทำให้เราต้องซื้อเหล็กในราคาที่แล้วแต่ผู้ขายหรือผู้ผลิตในประเทศจะกำหนด เพราะเค้ามีไม้กันชนทำให้นำเข้าจากต่างประเทศไม่ได้ เหมือนกับล็อกเราไว้อยู่ แต่ถ้าไม่ต่ออายุเอดีเราถึงจะได้ประโยชน์ แต่ถ้าต่ออายุตรงนี้เราก็เสร็จเลย"นายพัชวัฎ กล่าว |
. |
มาตรการดังกล่าวจะส่งผลดีโดยตรงต่อผู้ประกอบการที่เป็นโรงงานผลิตเหล็กรีดร้อนจะได้ประโยชน์ อย่าง บมจ.สหวิริยา สตีล อินดัสทรี(SSI) ซึ่งเป็นผู้ครองตลาดเหล็กรีดร้อนในประเทศ รวมทั้งผู้ผลิตอย่าง บมจ.จีเจ สตีล(GJS) และ บมจ.จีสตีล(GSTEEL) |
. |
"ถ้าเรื่อง AD ทางผมไม่ได้ประโยชน์คนที่จะได้ประโยชน์เป็น SSI GSTEEL เพราะ AD การที่เราซื้อเหล็กจากต่างประเทศเราซื้อไม่ได้ถูกเพราะเข้ามาเราก็เจอ AD ทำให้ต้นทุนเราแพงขึ้นแต่คนที่ได้ประโยชน์คือ SSI"นายพัชวัฎ กล่าว |
. |
อย่างไรก็ตาม ปริมาณความต้องการเหล็กในประเทศอาจจะขยับเพิ่มขึ้นบ้างหลังจากมีความชัดเจนการต่ออายุมาตรการ AD แต่ภาพรวมของตลาดก็เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศอาจจะเร่งตัวมากกว่าเล็กน้อย ซึ่งขณะนี้ก็ยังต้องรอดูความชัดเจนต่อไปอีกระยะหนึ่งก่อนว่า ดีมานด์ที่เกิดขึ้นเป็นดีมานด์ที่แท้จริงหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว คงต้องใช้เวลาอีก 1-2 สัปดาห์จึงจะเห็นความชัดเจน |
. |
ส่วนความต้องการในประเทศจีนเพิ่มขึ้นก็มีผล เพราะถ้าความต้องการในต่างประเทศปรับขึ้นก็มีผลไปยังตลาดโลก และหากราคาเหล็กในประเทศหนึ่งขึ้นประเทศอื่นก็ต้องปรับขึ้นตาม ถ้าไม่ขึ้นก็จะไหลไปกระจุกตัวอยู่ประเทศที่ถูก สุดท้ายก็จะต้องเป็นราคาเดียวกันทั่วโลก |
. |
แนวโน้ม H2/52 ดีกว่า H1/52 ตามภาวะตลาด-ความต้องการในปท.ฟื้น |
นายพัชวัฎ คาดว่า ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก หลังจากเห็นแนวโน้มไตรมาส 2/52 เริ่มทรงตัวหรืออาจดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 1/52 ขณะที่ทั้งปี 52 ยังคงเป้าหมายรายได้ที่ 3-4 พันล้านบาท หรือลดลงจากปีก่อนไม่เกิน 10% ซึ่งจะทำได้มากน้อยแค่ไหน หรือจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้หรือไม่ขึ้นกับภาวะในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะงบกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะออกมาใช้จ่ายลงทุนผ่านเมกะโปรเจ็คต์ |
. |
"เราก็ไปหวังตรงนี้คิดว่ารายได้ทั้งปีของปีนี้จะดีกว่าปีก่อนหรือมากกว่าปีก่อนนิดหน่อยไม่เยอะด้อยกว่าก็คงไม่เยอะจากปีที่แล้ว 4,000 กว่าล้านบาท ปีนี้ก็คงจะ 3,000-4,000 ล้านบาทหรือลดลงไม่เกิน 10% อยู่ในเกณฑ์นี้ อยู่ที่ว่าครึ่งปีหลังจะดีแค่ไหน ถ้าครึ่งปีหลังดีมากและตัวเงินออกมากระตุ้นก็จะช่วยได้เยอะ"นายพัชวัฎ กล่าว |
. |
ผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/52 คาดว่าจะทรงตัวหรืออาจจะดีกว่าไตรมาส 1/52 ที่ขาดทุน 12 ล้านบาท เนื่องจากราคาเหล็กยังเพิ่งเริ่มขยับขึ้น และยังมีทิศทางที่ไม่ชัดเจน โดยยังต้องดูแนวโน้มของความต้องการในตลาดก่อนว่าเป็นดีมานด์จริงหรือไม่ เพระหากมีการขยับราคาขายแต่ดีมานด์ไม่ได้มีจริงก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งโดยปกติหากราคาเหล็กรีดร้อนชนิดม้วนที่เป็นวัตถุดิบขยับขึ้น บริษัทก็สามารถปรับราคาขายท่อเหล็กขึ้นตามได้ |
. |
"ต้นทุนเท่าไรผลักไปให้ผู้ใช้ได้หมด เพียงแต่ระยะต้นๆ เกิดการดูลาดเลากันนิดหน่อยยังไม่มั่นใจต่างคนต่างยังไม่มั่นใจต่างคนต่างขอดูลาดเลาต้องขอเวลาอีก 1-2 สัปดาห์"นายพัชวัฎ กล่าว |
. |
แต่ในช่วงครึ่งปีหลังค่อนข้างมั่นใจว่าจะดีขึ้นกว่าไตรมาสแรก ตามแนวโน้มความต้องการของตลาดที่ดีขึ้น จากครึ่งปีแรกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ราคาไหลลง แต่จะปรับขึ้นมาที่เท่าใดนั้นขึ้นกับอานิสงส์ของงานก่อสร้างที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นจากที่หายไปในช่วงครึ่งแรกของปี ซึ่งหากรัฐบาลใช้จ่ายเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการลงทุนขนาดใหญ่ได้ตามเป้าหมายก็จะช่วยให้งานก่อสร้างกลับมาได้มาก |
. |
"ต้องขอดูครึ่งปีหลังก่อนถ้าครึ่งปีหลังได้มาเป็นกอบเป็นกำก็คงจะดีขึ้น แต่ถ้าครึ่งปีหลังได้มาจิ๊บจ๊อยก็คงจะเหนื่อยหน่อย แต่ไตรมาส 2 เริ่มทรงๆเริ่มดีขึ้นกว่าไตรมาส 1 ออร์เดอร์ก็ยังมี เพียงแต่ตอนนี้ที่ขาดคือพวกก่อสร้างที่ค่อนข้างเงียบ เพราะรายการก่อสร้างไม่มีเลย...อย่างที่รัฐบาลพูดเงิน 8 แสนล้านบาทออกมา และไปบุกเบิกทางด้านเมกะโปรเจกต์ตรงนี้จะช่วยได้เยอะ"นายพัชวัฎ กล่าว |
. |
เห็นสัญญาณราคาฟื้น เชื่อปีนี้ไม่มีผลขาดทุนสต็อก |
นายพัชวัฎ กล่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์ราคาในช่วงครึ่งปีหลังว่า น่าจะมีทิศทางที่ปรับตัวขึ้นมาตามราคาเหล็กที่เป็นวัตถุดิบที่คาดว่าจะขยับขึ้นได้ต่อไปที่ 20 บาท/กก.จากปัจจุบันขยับมาที่ 18 บาท/กก.แล้ว เพราะทุกอย่างชะลอตัวมานาน ถึงเวลาที่จะน่าจะฟื้นตัว และถ้าทุกอย่างเริ่มดีราคาก็จะไปเร็ว ช่วงสตาร์ทจะไปเร็วพอไปสักระยะหนึ่งราคาก็เข้าสู่ภาวะคงที่ |
. |
ขณะนี้ราคาเหล็กขยับขึ้นมาที่ 18 บาท/กก.จากที่ตกไปต่ำสุดที่ 17 บาทกว่า/กก. ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 23-24 บาท/กก. ซึ่งบริษัทมีสินค้าหลากหลายทำให้ราคาขายต่างกันมาก อย่างท่อเหล็กชุบสังกะสีราคาอยู่ที่ประมาณเกือบ 30 บาท/กก.มาร์จิ้นสูง โดยราคาปรับขึ้นตามต้นทุนสังกะสีส่วนหนึ่งด้วย |
. |
สำหรับสต็อกวัตถุดิบเหล็กในปัจจุบันมีเพียงพอเฉพาะเพื่อใช้ในการผลิตประมาณ 1 เดือนครึ่งเท่านั้น ไม่ได้เก็บสต็อกเพื่อมุ่งเน้นการเก็งกำไร แม้ว่าปีที่แล้วทั้งปีบริษัทจะขาดทุนจากสต็อก เพราะราคาปรับลงไปค่อนข้างเร็วไป แต่หากราคาเป็นขาขึ้นในปีนี้ก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบในทางลบ |
. |
"ราคา commodity ผันผวนตามราคาน้ำมันของเราก็ไปด้วยแน่นอน ถ้าน้ำมันขยับตรงนี้ก็ขยับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับดีมานด์ ที่ขยับเร็ว เพราะตกต่ำมานานเพิ่งผงกหัวขึ้นทุกอย่างก็เลยไปเร็ว" นายพัชวัฎ กล่าว |
. |
ส่วนประเด็นการหาพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมธุรกิจ ขณะนี้คงยังไม่มีความคืบหน้าอะไร เพราะภาวะทุกอย่างยังไม่ชัดเจนต่างคนต่างรอดูทุกคนก็ต่างรอดูเหตุการณ์ก่อน ยังไม่นิ่ง |
. |
นายพัชวัฎ กล่าวถึงหุ้น SAM ที่ขณะนี้ราคาต่ำกว่า BV ที่ 2.10 บาทว่า ราคาร่วงลงมาเยอะ เป็นไปตามภาวะเพราะคนไม่มั่นใจ แต่ถ้าเก็งกำไรกลุ่มเหล็กก็จะมาก่อนอย่างเหล็ก น้ำมัน พร็อพเพอร์ตี้ เกี่ยวข้องกัน ตอนนี้หุ้นเหลือ 0.65 บาท ต่ำกว่าพาร์ 1 บาทแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ไปยุ่งให้เป็นไปตามภาวะ เดี๋ยวพอทุกอย่างเริ่มดีขึ้นทุกอย่างก็ไปเอง ปีหน้าน่าจะดีกว่าปีนี้เพราะหยุดมานานแล้ว เหมือนโดนพายุกว่าจะประคองอะไรเสร็จก็ต้องใช้เวลา |