ยอดการปล่อยเงินกู้ของจีนที่พุ่งสูงขึ้นทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า จะทำให้เศรษฐกิจจีนต้องเผชิญกับภาระหนี้เสียและภาวะฟองสบู่ หลังจากที่ยอดการปล่อยกู้เดือนมิ.ย.ดีดตัวขึ้นเกือบ 5 เท่า จากระดับปีที่แล้วมาอยู่ที่ 1.53 ล้านล้านหยวน หรือ 2.24 แสนล้านดอลลาร์   

ธนาคารของจีนได้ปล่อยเงินกู้เพิ่มขึ้นกว่าเป้าหมายขั้นต่ำของธนาคารกลาง 47% ในปีนี้ ขานรับการผ่อนปรนกฎระเบียบในการควบคุมการปล่อยเงินกู้ เพื่อรับมือกับยอดส่งออกที่ร่วงลง โดยดัชนีหุ้นของจีนก็ดีดตัวขึ้นมา 69% แล้วในปีนี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็ดีดตัวขึ้น ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารก็ออกมาเตือนว่า การขยายตัวด้านสินเชื่ออย่างรวดเร็วนั้นทำให้เกิดความเสี่ยงสำหรับตัวธนาคารและระบบการเงิน

บลูมเบิร์กรายงานว่า เชอร์มาน ชาน นักเศรษฐศาสตร์ของ Moody’s Economy.com กล่าวว่า ในขณะนี้จีนต้องการการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่ภาวะฟองสบู่ 

ยอดการปล่อยเงินกู้ในช่วงครึ่งปีแรกของจีนขยายตัวขึ้นแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 7.37 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปีที่แล้วถึง 3 เท่า ขณะที่ยอดการปล่อยเงินกู้เดือนมิ.น.สูงกว่าเดือนพ.ค.ถึงกว่า 2 เท่า 

คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารของจีนระบุว่า การเติบโตของสินเชื่อย่างรวดเร็วของจีนและการกระจุกตัวมากเกินไปของสินเชื่ออาจจะบ่อนทำลายเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ 

ไอแสค เมง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของบีเอ็นพี พาริบาส์ กล่าวว่า สภาพคล่องที่สูงเกินไปกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์เรื่องภาวะฟองสบู่และการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่า การปล่อยสินเชื่อจะชะลอตัวลงมาก โดยยอดการปล่อยกู้รายใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะอยู่ที่ 1 ใน 4 ของยอดการปล่อยเงินกู้โดยรวมในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากผู้บริหารได้ปรับตัวเพื่อควบคุมสินเชื่อ 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นแล้ว เพราะธนาคารกลางจีนระบุว่า จะกลับมาขายพันธบัตรระยะเวลา 1 ปี ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่า ธนาคารหาทางลดจำนวนเงินสดในตลาดเงินและควบคุมการปล่อยเงินกู้