เนื้อหาวันที่ : 2009-06-23 09:44:14 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1019 views

วุฒิสภาผ่าน พ.ร.ก. เงินกู้ 4 แสนล้าน 69 ต่อ 48 เสียง

มาร์ค วิ่งวุ่นรีบกลับจากสิงคโปร์ เข้าชี้แจง พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้าน หวั่นพ.ร.ก. ถูกคว่ำซ้ำรอย ก่อนวุฒิสภาลงมติผ่านหวุดหวิด 69 ต่อ 48 เสียง ชี้ถ้าโกงรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ ส่วน พ.ร.บ. ยกไปสมัยหน้า

.

นายกฯ หวั่น พ.ร.ก.กู้ คว่ำอีก รีบกลับจากสิงคโปร์แจงวุฒิฯ

หลังจากที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 มิถุนายน มีมติคว่ำร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2552 ที่มีสาระสำคัญอยู่ที่การขยายเพดานอัตราภาษีน้ำมัน ด้วยคะแนนเสียงไม่เห็นชอบ 58:33 เสียง สมาชิกงดออกเสียง 10 ราย และไม่ลงคะแนน 1 ราย

.

ปรากฏว่า ในช่วงกลางดึก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปราชการที่สิงคโปร์ มีกำหนดการเดินทางกลับในเวลา 23.00 น.ได้เลื่อนเวลาเดินทางกลับเร็วขึ้น และ เพื่อรีบมาชี้แจง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 วงเงิน 4 แสนล้านบาท ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฏรแล้ว

.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เดินทางไปยังรัฐสภา ในเวลาประมาณ 22.00 น.เพื่อรับฟังการอภิปราย โดยลุกขึ้นชี้แจงความจำเป็นในการออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลงกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ในเวลาประมาณ 23.00 น. โดยชี้แจงสรุปว่า ทราบดีถึงข้อห่วงใยของสมาชิกดีที่เป็นห่วงปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่น รัฐบาลก็กังวลเช่นกัน

.

และเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดการทุจริต คอร์รัปชั่นขึ้นแล้วตรวจสอบไม่ทั่วถึง รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ จึงไม่มีความเป็นไปได้เลยว่า รัฐบาลจะมีความเข้มแข็งหากเกิดการทุจริต คอร์รัปชั่นขึ้น โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

.

พ.ร.ก.กู้ 4 แสนล้านฉลุย 69 ต่อ 48 - ยก พ.ร.บ.ไปสมัยหน้า

จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบ พ.ร.ก.ฉบับนี้ด้วยคะแนนเสียง 69:48 มีสมาชิกงดออกเสียง 11 คน เมื่อลงมติแล้วนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ขอให้รองเลขาธิการวุฒิสภา อ่านพระบรมราชโองการประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาสมัยวิสามัญ ขณะที่สมาชิกบางคนพยายามประท้วงว่า ยังเหลือ พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ค้างการพิจารณาอยู่ และปิดประชุมวุฒิสภา ในเวลา 23.40 น.

.

ทั้งนี้ ในส่วน พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ที่ค้างการพิจารณาอยู่นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์ว่า จะนำไปพิจารณาในสมัยสามัญนิติบัญญัติในเดือนสิงหาคมนี้

.

"กรณ์" อ้างวงเงินเว่อร์ตั้งกันไว้ก่อน

ก่อนหน้านี้ นายกรณ์ชี้แจงว่า นายอภิสิทธิ์ติดภารกิจนัดหมายกับผู้นำรัฐบาลสิงคโปร์ไว้นานแล้ว และจะเดินทางกลับจากเยือนสิงคโปร์ถึงไทยเวลา 22.15 น. โดยนายกฯตั้งใจว่าจะรีบมาชี้แจงที่รัฐสภาและฟังความเห็นของ ส.ว.โดยด่วน สำหรับการกำหนดเงินไว้เกินวงเงินที่จะใช้จ่าย เพราะรัฐบาลป้องกันไว้ว่า อาจมีโครงการใดที่ประสบปัญหาอุปสรรค ไม่สามารถดำเนินการได้

.

ทำให้มีวงเงินเข้ามาใช้ทดแทนได้ในโครงการไทยเข้มแข็ง ขอยืนยันว่ารัฐบาลพิจารณาว่าเม็ดเงิน 2 ก้อน ก้อนละ 4 แสนล้านบาท จาก พ.ร.ก.และร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน มีวัตถุประสงค์ในการใช้ต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยส่วนหนึ่งจะใช้ปิดหีบ อีกส่วนคือโครงการไทยเข้มแข็ง ระยะแรกและระยะถัดมา 

.

"ที่ตั้งโต๊ะไว้ 1.5 ล้านล้านบาท ตั้งแต่แรก เพราะต้องการส่งสัญญาณที่ชัดเจนในความจำเป็นในการลงทุน จึงกำหนดเม็ดเงินให้ชัดตั้งแต่แรก จึงไม่แก้ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ แต่ประเด็นนี้ก็ทบทวนแล้ว และตัดสินใจเลือกแบบนี้ การแก้ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะเป็นการส่งสัญญาณเชิงลบขาดวินัยการคลังของรัฐบาล และให้มีกฎหมายเพื่อเข้าถึงเงินลงทุนพิเศษ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ"นายกรณ์กล่าว

.

ล็อบบี้หนักหวั่น 2 กม. กู้ซ้ำรอย

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังวุฒิสภาคว่ำพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.พิกัดอัตรภาษีสรรพสามิต  รัฐบาลระดมรัฐมนตรีและวิปรัฐบาลต่อสายถึงประธาน รองประธานวุฒิสภา รวมถึงส.ว. บางส่วน ขอให้ช่วยระดมเสียงสนับสนุนกฎหมายกู้เงิน 2 ฉบับ เนื่องจากเกรงว่า วุฒิสภาฯจะไม่เห็นด้วยซ้ำรอยพ.ร.ก.ฉบับแรก

.

ขณะที่รัฐมนตรีในรัฐบาลโทรศัพท์รายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างเยือนสิงคโปร์ทราบทุกระยะ โดยเฉพาะกรณีที่วุฒิสภาคว่ำพ.ร.ก.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต  ขณะที่นายกฯแจ้งว่าจะพยายามบินกลับด่วนที่สุด เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับวุฒิสภาในประเด็นที่เป็นข้อสงสัยต่างๆ

.

ส.ว.สับออก พ.ร.ก.กู้สุ่มเสี่ยง"โกง"

สำหรับ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 วงเงิน 4 แสนล้านบาทนั้น วุฒิสภาเริ่มพิจารณาเมื่อเวลา 13.30 น. นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เสนอหลักการและเหตุผลของการเสนอ พ.ร.ก.ว่า เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินในการดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง

.

นายธวัช บวรวนิชยกูร ส.ว.สรรหา อภิปรายท้วงติงการออก พ.ร.ก.ของรัฐบาลว่า เคยถามรัฐบาลว่าหากใช้เงินในโครงการหนึ่งไม่หมดแล้วสามารถโยกงบประมาณให้กับอีกโครงการหนึ่งได้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ทำได้ โดยเงินจำนวน 8 แสนล้านบาทนั้นเป็นแค่หัวเชื้อของโครงการไทยเข้มแข็ง ที่ต้องใช้เงินจำนวน 1.43 ล้านล้านบาท 

.

เมื่อเป็นเงินก้อนใหญ่ และไม่สามารถตรวจสอบได้ การสามารถโยกงบประมาณได้ถือเป็นอันตรายในการใช้งบฯ สุ่มเสี่ยงเกิดการทุจริต ทำให้วงจรอุบาทว์ทางการเมืองจะกลับมาไม่จบสิ้น การทุจริตจะสามารถซื้อประเทศได้ ในฐานะวุฒิสภาจึงยอมไม่ได้ เพราะอยากให้ทำอย่างโปร่งใสด้วยวิธีการจัดทำงบประมาณที่สามารถตรวจสอบได้ ไม่ใช่การตีเช็คเปล่าอย่างนี้

.

กลุ่ม 40 ส.ว. ชี้งบฯ 4.9 พันล้านมีพิรุธ

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า รัฐบาลนี้แก้วิกฤตเศรษฐกิจ โดยการเพิ่มเงินลงทุนเป็นพิเศษ ตั้งโต๊ะทีเดียวก้อนใหญ่ 1.5 ล้านล้านบาท ใช้เวลา 3 ปี เฉลี่ยปีละ 5 แสนล้านบาท แต่เมื่อดูอัตราการเบิกจ่ายผ่านทางศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 15 มิถุนายน พบว่างบฯลงทุนที่อยู่ในงบประมาณประจำปี 2552 จำนวน 2.1 แสนล้านบาท มีการเบิกจ่ายจริงเพียง 6.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น หรือคิดเป็น 30.79% ทั้งๆ ที่ปีงบประมาณจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน

.

จึงสงสัยว่าจะเบิกจ่ายได้ทันและใช้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่รั่วไหลได้หรือ และทำไมไม่เสนอเข้ามาใน พ.ร.บ.งบประมาณตามปกติโดยการแก้กฎหมายวิธีการงบประมาณและกฎหมายบริหารหนี้สาธารณะชั่วคราว 3 ปี เพื่อให้มีระเบียบการเบิกจ่ายเป็นขั้นตอนชัดเจนรวมถึงระบบตรวจสอบมากพอสมควร

.

เมื่อรัฐบาลทำแบบนี้ จึงห่วงว่าจะมีการใช้เงินเร็ว เลี่ยงขั้นตอน และรั่วไหล รัฐบาลยังเห็นสภาเป็นที่ประกอบพิธีกรรม โดยประชุม ครม.เพียงไม่กี่สิบนาที ก็อนุมัติวงเงินโครงการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงมหาดไทย เพิ่มอีก 4.9 พันล้านบาท เป็นอาการพิรุธที่สังคมเชื่อว่าเป็นการแลกเปลี่ยนแลกการโหวตของพรรคร่วม

.

"มาร์ค" สั่งรมต.แจงให้ดีที่สุด  

ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าเวลา 06.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) ก่อนออกเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ว่าได้พูดคุยกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เกี่ยวกับการชี้แจง พ.ร.ก.และร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจต่อที่ประชุมวุฒิสภา โดยขอความกรุณาให้รัฐมนตรีไปช่วยกันชี้แจงอย่างพร้อมเพรียง และตอบข้อสงสัยและข้อซักถามต่างๆ ให้ดีที่สุด คืนนี้ถ้ากลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้ววุฒิสภายังประชุมอยู่ก็จะเดินทางไปร่วมด้วย

.

"โดยรวมแล้วผมยังเชื่อว่ากฎหมายดังกล่าวน่าจะผ่านไปได้ ที่สำคัญคือคงจะเป็นการหารือกันมากกว่าว่า รูปแบบการตรวจสอบ อยากจะใช้วิธีการอะไร เช่น จะมีกรรมาธิการหรืออะไร"นายกรัฐมนตรีกล่าว

.

"เรืองไกร"ข้องใจแบ่งเค้กใครเข้มแข็ง

ต่อมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา อภิปรายระหว่างวุฒิสภาพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงินว่า  การกู้เงินครั้งนี้เพื่อทำโครงการ "ไทยเข้มแข็ง" หรือ "ใครเข้มแข็ง" เพราะตัวเลขของโครงการไม่ตรงกัน โดยนายกรัฐมนตรี ส่งเอกสารชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า การกู้เงินตาม พ.ร.ก.จำนวน 4 แสนล้านบาท ในครั้งนี้จะใช้ในโครงการไทยเข้มแข็งจำนวน 2.89 แสนล้านบาท

.

ขณะที่ตัวเลขที่เสนอล่าสุดอยู่ที่ 2.35 แสนล้านบาท จึงอยากถามว่า รัฐบาลมีแนวทางในการบริหารเงิน 4 แสนล้านบาทที่จะกู้อย่างไร  และแนะนำว่าให้รัฐบาลไปดูรายละเอียด พ.ร.บ.การเงินคงคลัง พ.ศ.2491 และ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะด้วยว่า รัฐบาลกำลังทำผิดกฎหมายเหล่านี้อยู่หรือไม่

.

โดยเฉพาะประเด็นที่รัฐบาลจะให้มีการกู้เงินจากสถาบันการเงินของเอกชน 3.7 แสนล้านบาท รวมถึงการให้อำนาจสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เป็นหน่วยงานที่ดูแลการใช้จ่ายเงินกู้ทั้งหมด

.

"ตาม พ.ร.บ.การเงินคงคลัง กรณีอำนาจในการดูแลงบประมาณแผ่นดินโดยกำหนดว่า เงินที่ได้รับต้องนำไปเก็บไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อำนาจในการสั่งจ่ายคือ อธิบดีกรมธนารักษ์ และเจ้าพนักงานที่รัฐมนตรีคลังเป็นคนแต่งตั้ง จากนั้นต้องไปทำบัญชีเงินแผ่นดิน แต่การที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ สบน.มีอำนาจทั้งรับเงินกู้และจ่ายและทำบัญชีเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง" นายเรืองไกรกล่าว   

.

นายเรืองไกรกล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจเพราะเสนอกฎหมายรีบเร่งมาก ถ้าดูดอกเบี้ย 5% ของเงิน  4 แสนล้าน เท่ากับ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากไม่รู้ว่าจะมีผลตอบแทนในโครงการอย่างไร หากดูโครงการถนนปลอดฝุ่น 1.4 หมื่นล้าน และเงินบำรุงรักษาทางหลวงทั่วประเทศ 1.4 หมื่นล้านบาท หารด้วยจำนวน ส.ส. 480 คน จะได้คนละประมาณ 60 ล้านบาท ไม่รู้ว่าจะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่

.

"กรณ์" แจงเหตุไม่ใช้วิธีแก้กม.งบฯ

นายกรณ์ชี้แจงว่า สาเหตุที่รัฐบาลต้องกำหนดตัวเลข 1.5 ล้านล้านบาท และมีระยะเวลาผูกพันไปถึงปี 2555 เพราะรัฐบาลต้องการส่งสัญญาณให้นักลงทุนเห็นว่า รัฐบาลเน้นการลงทุนเพื่อ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่เลือกใช้วิธีการออกกฎหมายกู้เงินก็ได้ โดยใช้การแก้ไขพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ 2502 และ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ 2548 เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลสามารถกู้เงินได้ แต่รัฐบาลไม่ทำแบบนี้ เพราะถ้าทำจะเป็นการส่งสัญญาณในทางลบที่เป็นการสะท้อนถึงการไม่รักษาวินัยทางการเงินการคลังของรัฐบาล

.

เชื่อโกงแน่-รมต.การันตีโปร่งใส

การอภิปรายในช่วงเย็น ส.ว.หลายคน อาทิ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ตั้งข้อสังเกตการเสนอที่ขาดรายละเอียดโครงการ อาจเป็นช่องทางทุจริตเพราะตรวจสอบยาก และสงสัยเหตุใดจึงไม่นำวงเงิน 8 แสนล้าน ไปอยู่ในงบฯปกติ ทั้งนี้ นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ถึงกับระบุว่า ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันว่า จะมีการทุจริตเกิดขึ้นแน่นอน ถ้าไม่มีจะให้ตัดคอ

.

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เหตุที่ไม่รวมเงินกู้ 8 แสนล้าน ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี และไม่แก้กฎหมายเพดานหนี้สาธารณะและเขียนบทเฉพาะกาลเพื่อการดังกล่าว เพราะกว่าเม็ดเงินจะออกก็ยิ่งเห็นผลช้า ในขณะที่เศรษฐกิจต้องการการกระตุ้น และสร้างงานโดยด่วน

.

"ขอยืนยันว่าการใช้งบประมาณ แม้จะเป็นเงินนอกงบฯก็ไม่ต่างจากเงินในงบประมาณ เพราะอิงวิธีการงบประมาณทุกอย่าง และโยกงบฯข้ามกระทรวงไม่ได้ รับประกันว่า ถ้าวุฒิสภารับกฎหมายสองฉบับนี้ ก็พร้อมจะมาชี้แจงในทุกประเด็น" นายกอร์ปศักดิ์กล่าว

.

ที่มา : มติชนออนไลน์, สำนักข่าวไทย, เว็บไซต์ประชาไท