เนื้อหาวันที่ : 2009-06-22 18:11:59 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1224 views

กรณ์แจงวุฒิฯ ยืนยันกู้เงิน ตาม พ.ร.ก.โปร่งใส-ไม่มีโยกงบข้ามกระทรวง

กรณ์ แจงรัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานติดตามการใช้เงิน และต้องรายงานต่อที่ประชุมครม.รับทราบทุกเดือน ยืนยันไม่มีการโยกเงินงบประมาณข้ามกระทรวง

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

.

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวชี้แจงในที่ประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วงเงิน 4 แสนล้านบาทถึงความกังวลในความโปร่งใสการกู้ยืมเงินของรัฐบาล โดยยืนยันว่ารัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานติดตามการใช้เงิน และต้องรายงานต่อที่ประชุมครม.รับทราบทุกเดือน

.

ส่วนข้อสังเกตว่าการกู้เงินดังกล่าวเป็นการใช้เงินนอกงบประมาณที่อาจมีการการโยกเงินงบประมาณข้ามกระทรวงนั้น ยืนยันว่าไม่สามารถดำเนินการใด เพราะต้องผ่านมติครม. และการกู้เงินของรัฐบาลต้องรายงานให้สภาฯรับทราบเช่นกัน   

.

ทั้งนี้ พ.ร.ก.กู้เงินดังกล่าว ได้จัดสรรเงินเพื่อการชดเชยเงินคงคลัง จำนวน 2 แสนล้านบาท โดยประเมินจากเพดานสูงสุดไว้ แต่หากสถานการณ์จัดเก็บรายได้ของรัฐบาล และภาวะเศรษฐกิจ การเมืองดีขึ้น  รัฐบาลอาจจำเป็นกู้เงินเพื่อชดเชยเงินคงคลังน้อยลง และนำเงินส่วนที่เหลือไปจัดสรรเพื่อการลงทุนได้ 

.

"ยิ่งสถานการณ์ดีขึ้นเพียงใด ความจำเป็นของรัฐบาลกู้เงินก็ลดน้อยลง ถือเป็นข่าวดี เช่น หากจำเป็นกู้เงิน(ชดเชยเงินคงคลัง) 1.5 แสนล้านบาท จะเหลือวงเงินอีก 50,000 ล้านบาทไปลงทุนได้ ถือเป็นการสำรองไว้ เป็นการนำเม็ดเงินมาลงทุนแทน" นายกรณ์ กล่าว 

.

ส่วนการกู้เงินตาม พ.ร.ก.ฯ จะแบ่งเป็นการออกพันธบัตรออมทรัพย์ 30,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบัน เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้สิทธิจองซื้อก่อน ส่วนอีก 3.7 แสนล้านบาท จะเป็นการกู้เงินผ่านสถาบันการเงิน และกู้รูปแบบอื่น โดยยืนยันว่าจะไม่เป็นการแย่งสภาพคล่องในระบบจากภาคเอกชน และเห็นว่าช่วงเวลานี้มีความเหมาะสมที่รัฐบาลจะสามารถกู้เงินได้ เพราะภาคเอกชนยังไม่มีความพร้อมที่จะกู้เงิน 

.

รมว.คลัง กล่าวชี้แจงอีกว่า โครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งปี 55  ที่กำหนดวงเงินลงทุน 1.43 ล้านล้านบาท แต่ได้มีการกำหนดเพดานเงินลงทุนไว้ที่ 1.56 ล้านล้านบาท ภายใต้ 6,000 โครงการ ขณะนี้รัฐบาลยังมีเวลาพิจารณาโครงการลงทุนตามแผน โดยภายในเดือน ก.ค.คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการลงทุน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะสรุปโครงการที่เข้าหลักเกณฑ์ตามแผนให้แล้วเสร็จ