เนื้อหาวันที่ : 2009-06-22 15:52:55 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1705 views

บีโอไอหารือ JFCCT สร้างความเชื่อมั่นต่างชาติ ชู วันสตาร์ทวันสต๊อป แก้ไขปัญหาให้นักลงทุน

บีโอไอ หารือร่วมกับหอการค้าต่างประเทศในไทย ย้ำจุดยืนดูแลการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมงัดมาตรการอำนวยความสะดวก ลดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจในไทย ชู วันสตาร์ทวันสต็อปเซอร์วิสเซ็นเตอร์ หวังช่วยนักลงทุน

บีโอไอ หารือร่วมกับหอการค้าต่างประเทศในไทย ย้ำจุดยืนดูแลการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมงัดมาตรการอำนวยความสะดวก ลดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจในไทย พร้อมชู วันสตาร์ทวันสต็อปเซอร์วิสเซ็นเตอร์ สะท้อนความตั้งใจจริงของรัฐบาลที่จะช่วยนักลงทุน

.

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

.

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการหารือร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand : JFCCT) ซึ่งมีสมาชิกจากหอการค้าต่างประเทศ 26 ประเทศ เข้าร่วมหารือกว่า 50 คนว่า การหารือร่วมกันครั้งนี้ จะทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้มีโอกาสชี้แจงและเน้นย้ำถึงนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐที่ให้ความสำคัญต่อการลงทุนจากต่างประเทศ 

.

พร้อมทั้งได้ชี้แจงถึงความคืบหน้าการดำเนินมาตรการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่ออำนวยความสะดวก และลดปัญหาอุปสรรคในการดำเนินกิจการให้แก่นักลงทุนต่างชาติ อาทิ การจัดตั้ง วันสตาร์ทวันสต็อปเซอร์วิสเซ็นเตอร์ (One Start and One Stop Service Center) หรือ OSOS ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีรองนายกรัฐมนตรีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นประธาน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทำหน้าที่เป็นจุดให้บริการนักลงทุนแบบเบ็ดเสร็จ 

.

"ในสถานการณ์ที่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย จำเป็นที่จะต้องพยายามประคองตัวเพื่อข้ามผ่านไปให้ได้ด้วยความเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งการที่สมาชิกหอการค้าต่างประเทศให้ความร่วมมือในการมาประชุมพบปะ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการลงทุนครั้งนี้ จึงเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่หน่วยงานต่างๆ จะได้นำข้อมูลจากการหารือไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในภูมิภาคต่อไป" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว 

.

นายชาญชัยกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนในต่างประเทศ ด้วยการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนในประเทศต่างๆ ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเดินหน้า เปิดสำนักงานต่างประเทศของบีโอไอ ซึ่งจะดำเนินการเปิดได้ครบทั้ง 6 แห่งภายในเดือนกันยายน 2552 นี้ ซึ่งจะเป็นการ เสริมสร้างศักยภาพและเครือข่ายการส่งเสริมการลงทุนของไทยให้ครอบคลุมกลุ่มประเทศเป้าหมายต่าง ๆ ได้มากขึ้น

.

นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาให้นักลงทุนถือเป็นภารกิจที่บีโอไอให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งในการประชุมหารือกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในครั้งนี้         

.

นอกจากการชี้แจงแนวทางการเดินหน้าผลักดันมาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่ ๆ ที่ออกมาเพื่อผ่อนคลายปัญหาของภาคธุรกิจ และกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นแล้ว ยังจะเป็นการแจ้งความคืบหน้าของการดำเนินการตามข้อเสนอของภาคเอกชนซึ่งเป็นผลมาจากการประชุมครั้งก่อน เช่น เพิ่มประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมในด้านโทรคมนาคม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดประเภทกิจการที่ชัดเจน 

.

ส่วนการปรับปรุงประเภทกิจการโลจิสติกส์ ซึ่งภาคเอกชนขอให้ทบทวนสิทธิประโยชน์ของบริษัทที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเฉพาะสำหรับโลจิสติกส์ ให้ได้รับสิทธิ์เหมือนอยู่ในเขตอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาปรับปรุงประเภทกิจการ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ดบีโอไอ) ในช่วงปลายเดือน กรกฎาคม 2552 นี้ 

.

นอกจากนี้ บีโอไอยังให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามนโยบายปีแห่งการลงทุนต่อไป โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ออกมาตรการกระตุ้นการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น เช่น ส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยการปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ และรักษาการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม 

.

รวมทั้งการเปิดประเภทกิจการประกอบรถยนต์ใหม่ เพื่อให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ สนับสนุนให้ไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ในภูมิภาคอย่างแท้จริง และการเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อกระตุ้นให้กิจการทุกประเภทที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ

.

รวมถึงการปรับปรุงเงื่อนไข และราคาจำหน่ายในโครงการบ้านบีโอไอ จาก 6 แสนบาทต่อหน่วย เป็น 1 ล้านบาทต่อหน่วย กระตุ้นผู้ประกอบการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยเพิ่มทางเลือกแก่ประชาชนในพื้นที่เขตเมือง เป็นต้น