นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าที่จะขอส่วนแบ่ง 5% จากเม็ดเงิน30,000 ล้านบาทที่รัฐบาลเตรียมขอกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ซึ่งเป็นไปตามมาร์เก็ตแชร์ในตลาดสินเชื่อของธนาคารอยู่แล้ว |
. |
ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุน ธนาคารก็จะพยายามรักษาการเติบโตด้วยตนเองเพื่อทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนกว่าล้านบาท จากปัจจุบัน 4 แสนล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโตไม่เกิน 5% จากที่เคยเติบโตปีละ 10-20% มาโดยตลอด รวมทั้งรักษาสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในปีนี้ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2.5-2.6 % แม้จะสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 2.2-2.3% แต่ก็อยู่ในวิสัยที่เข้าใจได้ |
. |
"เป้าสินเชื่อรวมสิ้นปีนี้ไม่น่าจะเติบโต aggressive มากน่าจะไม่เกิน 5% จากปีก่อนที่เติบโต 10-20%มาตลอด เพราะปีนี้เราหันมาปรับโครงสร้างภายในมากขึ้น เพื่อให้เราสามารถแข่งขันกับแบงก์อื่นได้ ขนาดก็ถือว่าจำเป็นถึงแม้สภาพคล่องเราจะเราจะเยอะ" นายศุภเดช กล่าว |
. |
สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Spread) ในไตรมาส 2/52 ปรับตัวดีขึ้นมาประมาณ 0.5% เนื่องจากมีการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง โดยธนาคารมีส่วนต่างดอกเบี้ยประมาณ 3% |
. |
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ธนาคารได้รับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาวตั้งแต่ 12-24 เดือนและ 36 เดือนขึ้น เพื่อรองรับสถานการณ์ที่พันธบัตรรัฐบาลวงเงิน 3 หมื่นล้านบาทจะออกขายในเดือน ก.ค.นี้ อีกทั้งยังเป็นการผลตอบแทนให้กับลูกค้าภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่จะชะลอตัวและดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ |
. |
นายศุภเดช กล่าวถึงความคืบหน้าของการเข้าซื้อหุ้นธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)จากกองทุนฟื้นฟูฯว่า ขณะนี้ได้ส่งจดหมายแสดงความสนใจไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถยื่นเสนอราคาได้จนกว่าภาครัฐจะเปิดประมูลอย่างเป็นทางการ โดยบมจ.ทุนธนชาต(TCAP)ซึ่งเป็นบริษัทแม่มีเงินสดและสินทรัพย์หลังขายหุ้นธนาคารธนชาตให้โนวาสโกเทียเพียงพอที่จะซื้อกิจการได้ คาดว่าจะน่าสรุปเรื่องดังกล่าวภายในสิ้นปีนี้ |