เนื้อหาวันที่ : 2009-06-09 11:28:08 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1226 views

"มาร์ค" รับศก.ปีนี้หด 3-5% เพ้อปีหน้าฟื้นขยายตัว 1-2%

"อภิสิทธิ์" แจงรัฐอัดงบเข้าระบบเศรษฐกิจ ซี่งเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว 70-80% คุยโวเริ่มมีสัญญาณที่ดีให้เห็น พร้อมลุยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองเตรียมถลุงเงินอีก 1.5 ล้านล้านบาท

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบายในการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในงานสัมมนา The 3rd Euromoney Thailand Investment Forum Navigating Uncertainty-Thailand's Path Forward ว่า รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจแม้ต้องเผชิญปัญหาทางการเมืองซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยพยายามวางรากฐานให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ภาคเอกชนสามารถแข่งขันได้ ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นพร้อมไปกับลดการเลิกจ้าง                                   

.

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นความโชคร้ายของพรรคประชาธิปัตย์ที่เข้ามาเป็นรัฐบาลทุกครั้งต้องเป็นช่วงเกิดวิกฤต ทำให้การตัดสินใจแก้ปัญหาทำได้ยาก แต่ถือเป็นสิ่งที่ท้าทาย โดยรัฐบาลได้นำวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 มาใช้เป็นบทเรียน ทำให้ภาคการเงินมีความแข็งแกร่ง 

.

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุน และภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง โดยเริ่มมีผลกระทบตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 51 แต่ขณะนี้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 และ 3 จะยังหดตัวอยู่ และจะขยายตัวในไตรมาสสุดท้าย โดยทั้งปีคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวลง 3-5% และขยายตัว 1-2% ในปี 53  "ไม่เคยพูดว่าการทำงานตอนนี้เป็นสิ่งที่ง่าย แต่ผมก็มุ่งมั่นและแน่วแน่ที่จะแก้ไขปัญหา" นายอภิสิทธิ์ กล่าว 

.

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่คนส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการอัดฉีดงบประมาณลงไปในระบบเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งมีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว 70-80% เชื่อว่าเป็นวิธีการที่รวดเร็วและเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด ซึ่งขณะนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีให้เห็นแล้ว โดยในภาคอุตสาหกรรมกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์และกลุ่มปิโตรเคมี ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาประมาณ 13% 

.

หลังจากนี้รัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง ซึ่งใช้เงินกว่า 1.5 ล้านล้านบาท โดยจะใช้ทั้งเงินงบประมาณตามปกติและเงินกู้ เพื่อลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ด้านต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก หลังจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทผ่านสภาฯ แล้วจะสามารถกู้เงินได้ภายในเดือน ส.ค.52 แม้จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงขึ้นจาก 40% เป็น 60% แต่อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ 

.

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลยังได้เตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในระลอกต่อไปจะอยู่ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ซึ่งมุ่งเน้นการนำศักยภาพของประเทศที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นไปอย่างยั่งยืน และนอกจากมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว ไทยยังมีความร่วมมือในระดับอาเซียนเพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้วย 

.

สำหรับปัญหาการเมืองในประเทศเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายกังวล ซึ่งรัฐบาลพยายามดูแลให้เป็นไปตามกรอบของประชาธิปไตย โดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม