ซี.พี.คาดส่งออกไทยปี 2552 ติดลบ 15% จี้รัฐบาลดูแลค่าเงินบาท จวกโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ไม่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจตามเป้า ห่วงการเมืองเป็นตัวถ่วง
ซี.พี.คาดส่งออกไทยปี 2552 ติดลบ 15% ร้องรัฐบาลดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ที่ 36-37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดี แต่ยังห่วงการเมือง |
. |
ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญภัณฑ์ |
. |
ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญภัณฑ์ ประเมินภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 2552 ว่า น่าจะติดลบประมาณ 15% เนื่องจากประเทศที่มีกำลังซื้อสูงหลักๆ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ขณะที่จีนมีสัญญาณที่ดีจากการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจน่าจะช่วยพยุงเศรษฐกิจโลกให้ดีขึ้นมาในระดับหนึ่งได้ |
. |
ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน ที่ผ่านมาการส่งออกของไทยติดลบราว 20% แต่เชื่อว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาส ที่ 4 การส่งออกน่าจะปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่หลายๆ ฝ่ายประเมินว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และคาดว่าจีดีพีของเศรษฐกิจทั้งโลกน่าจะอยู่ในระดับ 2.6 ในไตรมาสที่ 3 นี้ |
. |
"จีดีพีของเราที่เพิ่งประกาศไปว่าติดลบ 7% ในช่วงไตรมาสแรก แต่ยังมีความเชื่อว่าในไตรมาส 2 จีดีพีจะติดลบน้อยลง และไตรมาส 3 จะติดลบน้อยลงจากไตรมาส 2 ขณะที่เชื่อว่าไตรมาส 4 จีดีพีน่าจะเป็นบวก นอกจากนี้เชื่อว่าทั้งปีจีดีพีของประเทศน่าจะอยู่ในระดับ 4-5%" |
. |
ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอยู่ที่ระดับประมาณ 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกสินค้าของไทยอย่างมาก หากค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงมากกว่านี้จะเป็นผลดีกับภาคธุรกิจมาก โดยต้องการให้ภาครัฐดูแลค่าเงินบาทให้อ่อนค่าระดับประมาณ 36-37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ |
. |
"แต่ไม่อยากให้ค่าเงินมีการปรับตัวที่รวดเร็วเกินไปนัก หากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เข้ามาดูแลให้มากกว่านี้จะเป็นเรื่องที่ดีมาก" |
. |
สำหรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล รองประธานกรรมการ เครือเจริญภัณฑ์ มองว่า รัฐบาลมีความพยายามที่ดีอย่างมากในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ด้วยเงินลงทุน 1.43 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจในช่วง 3 ปีนี้ให้ได้ แต่เชื่อว่ามาตรการต่างๆ ที่ออกมายังไม่อาจจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย |
. |
"มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เชื่อว่าคงจะยังไม่เห็นผลในระยะเวลาอันสั้น 3 ปี ตามที่รัฐบาลบอกไว้ เพราะเงินกู้ที่นำมาใช้ลงทุนในโครงการต่างๆ ซึ่งเป็นโครงการในระยะยาว ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลชัดเจน คาดว่าอย่างน้อยในระยะยาว 20 ปีมาตรการนี้จึงจะชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามถือว่ารัฐบาลมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ" |
. |
ทั้งนี้การจะให้เศรษฐกิจไทยฟื้นได้นอกจากจะอัดฉีดเม็ดเงินดังกล่าวแล้ว รัฐบาลต้องสร้างโครงการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาเข้มแข็ง |
. |
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการแก้ไขปัญหานี้ โดยเฉพาะปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งทำให้ประชนขาดความเชื่อมั่น หากสถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพมากกว่านี้ก็จะเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมาได้ แม้ขณะนี้ภาพลักษณ์ทางด้านการเมืองจะปรับตัวดีขึ้นแล้วก็ตาม แต่ยังถือว่าไม่มากนัก |
. |
ดร.อาชว์ กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนว่า ทุกๆ รัฐบาลมีความพยายามอย่างมากในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยแต่ละประเทศมีการใช้มาตรการที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกัน ทำให้ผลที่เกิดขึ้นหลายๆ ประเทศก็ได้รับผลในลักษณะที่ดีคล้ายๆ กัน ไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งเกิดความโดดเด่นมากนัก ซึ่งจุดนี้เองเป็นผลเสียที่ทำให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนต้องออกแรงในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น |
. |
"หลายๆ ประเทศในอาเซียนใช้การแก้ปัญหาที่คล้ายๆ กัน ไม่มีใครโดดเด่นไปกว่ากัน ทำให้เกิดการ cancel กันเองในกลุ่มอาเซียน แทนที่จะมีประเทศใดประเทศหนึ่งช่วยดึงเศรษฐกิจในภาพรวมของอาเซียนให้ดีขึ้น แต่ภาพรวมการแก้ปัญหาในกลุ่มอาเซียนยังถือว่าดีอยู่" |
. |
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบภาพรวมการเติบโตของกลุ่มประเทศในอาเซียน น่าจะมีศักยภาพดีกว่าฝั่งยุโรปหรืออเมริกา หรือกลุ่มอื่นๆ เพราะอาเซียนยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งเคยมีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเคยออกมากล่าวว่า ถ้าเศรษฐกิจโลก ฟื้นตัว ทางฝั่งเอเชียน่าจะฟื้นได้ก่อนมากกว่า |
. |
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ |