เนื้อหาวันที่ : 2009-05-29 17:49:43 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1254 views

สหพัฒน์สวนรัฐไม่เห็นแวว ศก. ฟื้นปีนี้ จวกทำเอกชนเจ๊ง-จี้กดค่าเงินแตะ 40 บ.

อดีตขุนคลัง นักวิชาการ ภาคเอกชน สวนรัฐบาลอภิมหาประชานิยม ประเมินตัวเลขเศรษฐกิจต่ำ ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัว จวกรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ยิ่งกู้นอกยิ่งทำให้ไทยจนลง ขาดทุน ถังแตก

อดีตขุนคลัง นักวิชาการ ภาคเอกชน สวนรัฐบาลอภิมหาประชานิยม ประเมินตัวเลขเศรษฐกิจต่ำ ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัว จวกรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ยิ่งกู้นอกยิ่งทำให้ไทยจนลง ขาดทุน ถังแตก

.

นายกรณ์ จาติวณิช รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย (จีดีพี) ไตรมาศแรกติดลบ 7.1% ว่า เนื่องจากเศรษฐกิจมีปัจจัยหลายด้านเข้ามากระทบ แต่ยังมีแรงขับเคลื่อนจากรัฐเข้าไปช่วยหนุนโดยเฉพาะมาตรการการกระตุ้น เศรษฐกิจระยะแรกของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจเดือน เม.ย. เนื่องจากมีเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองและมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ซึ่งอาจทำให้ไตรมาส 2 ไม่ค่อยดีนัก

.

นายสุชาติ ธาดาธิรงเวช อดีต รมว. คลัง ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานเศรษฐกิจว่า พรรคเป็นห่วงอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปี 52 ที่จีดีพีติดลบถึง 7.1% ถือว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี ซึ่งจากการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ผ่านมา จะเห็นว่ารัฐบาลประเมินตัวเลขต่ำมาตลอด จึงขอให้รัฐบาลเอาจริงเอาจังการใช้นโยบายภาคปฏิบัติให้เกิดผล ขณะที่งบกลางปีที่นำมาใช้ไม่ได้ทำให้เกิดการจ้างงานแต่นำมาเพื่อแจก ท้ายที่สุดจะทำให้คนตกงานถึง 1.2 ล้านคน 

.

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ถ้าเป็นในมุมมองของรัฐบาล มองว่าเศรษฐกิจไทยมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว และกำลังจะฟื้นเป็นรูป "ตัววี" หรือ "ตัวยู" แต่ทางศูนย์ฯ มองว่าเศรษฐฏิจไทยจะเข้าสู่สภาวะถดถอยหรืออยู่ในจุดต่ำสุดคือในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากในเดือนเม.ย. การส่งออกยังคงติดลบ และคาดการณ์ว่าในเดือน พ.ค.-มิ.ย. การส่งออกยังคงซบเซาต่อเนื่อง และคาดว่าจีดีพีปี 52 จะติดลบ 2-4%

.

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า ภายในปีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจไทยเลย ในขณะที่รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และมองว่าแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วยการกู้เงินจากต่างประเทศนั้นไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ถูกจุด แต่จะยิ่งทำให้ไทยจนลง และทำให้ขาดทุนและถังแตก เห็นว่ารัฐบาลควรจะกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศมากกว่า ส่วนภาวะค่าเงินบาทยังอยู่ในระดับแข็งค่า 32-34 บาท/ เหรียญสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของประเทศ 

.

ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรเข้ามาแทรกแซง มองว่าค่าเงินบาทในระดับ 40 บาทเหรียญสหรัฐ น่าจะเหมาะสมที่สุดในขณะนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ต่างประเทศมีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งหากแก้ไขปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าได้ จะทำให้เศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้นภายใน 6 เดือน

.

ขณะนี้ผู้ประกอบการต้องดำเนินธุรกิจแบบตัวใครตัวมัน ในช่วง 5 เดือน การบริหารงานของรัฐบาลทำให้เอกชนขาดทุน และประเทศถังแตก แต่จะโทษรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทั้งหมด เพราะเพิ่งจะเข้ามาบริหารงานได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น คงต้องมองย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน” นายบุณยสิทธิ์กล่าว 

.

สำหรับเครื่อสหพัฒน์ในปีนี้คาดว่ายอดขายจะติดลบประมาณ 5% และหากเลวร้ายสุดอาจจะติดลบถึง 10% ดังนั้นในปีนี้จึงไม่มีแผนที่จะลงทุนในโครงการใหญ่

.
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน