สำนักข่าวไทยรายงานข่าว ปตท.เตรียมออกโปรโมชันใหม่ส่งเสริมการติดตั้งเอ็นจีวี โดยยอมรับจากราคาน้ำมันลดลงส่งผลผู้ใช้รถลังเลที่จะติดตั้งเอ็นจีวี แต่หลังจากขยายปั๊มครบ 200 แห่ง และสั่งถังเอ็นจีวี สำหรับแท็กซี่เข้ามาแล้ว มั่นใจปีหน้าจะมีจำนวนรถยนต์เอ็นจีวีตามเป้าหมาย

จากกรณีที่ขณะนี้มีกระแสข่าวบ่อยครั้งเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ที่ติดตั้งก๊าซนั้น นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่จัดหาและจัดส่งปิโตรเลียม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทุกคันที่เกิดเหตุ เป็นรถที่ติดตั้งก๊าซแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้มทั้งสิ้น โดยเกิดเหตุ 6 ครั้งติดต่อกัน ที่เป็นเช่นนี้คงเกิดจากการติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน และขอเชิญชวนให้ประชาชนติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี เพราะมีความปลอดภัยสูง หากเกิดอุบัติเหตุก็จะไม่ระเบิดเพราะเป็นก๊าซเบาและถังก๊าซมีความแข็งแรงมากกว่าแอลพีจี ดังนั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ โอกาสถังจะระเบิดก็เป็นไปได้ยาก และก๊าซก็จะลอยขึ้นสู่เบื้องบน ในขณะที่แอลพีจีเป็นก๊าซหนัก ก๊าซจะจับกลุ่มอยู่ด้านล่าง และจุดติดไฟ จึงเกิดระเบิดได้ นอกจากนี้ในการติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวี ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญบุคคลที่ 3 มารับรองความปลอดภัยก่อนที่จะได้รับใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก

นายณัฐชาติ ยอมรับด้วยว่า เมื่อราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องทำให้ผู้ที่สนใจจะติดตั้งเอ็นจีวีมีความลังเล เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การติดตั้งเอ็นจีวีพลาดเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม จากการประเมินของทุกฝ่ายเห็นว่าราคาน้ำมันยังคงผันผวนต่อไป และการใช้เอ็นจีวียังคงถูกกว่าน้ำมันถึง 3 เท่าตัว ทั้งนี้ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ปตท.จะออกโปรโมชั่นใหม่ช่วยผู้ติดตั้งที่เป็นรถบ้าน โดยมีทางเลือก คือ ได้รับเงินส่วนลด 5,000บาท หรือ เลือกติดตั้งแล้วผ่อนชำระกับธนาคารพาณิชย์ เดือนละ 1,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยผ่อนปรน เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งขณะนี้ ปตท.กำลังเจรจากับธนาคารพาณิชย์ 1-2 รายมาร่วมโครงการ เช่น ธนาคารธนชาต เป็นต้น

นายณัฐชาติ กล่าวว่า นอกจากนี้ การขยายปั๊มเอ็นจีวีที่ล่าช้า รวมทั้งการที่รถแท็กซี่ต้องการใช้ถังบรรจุเอ็นจีวีขนาด 100 กิโลกรัมแทน 70 กิโลกรัม ทำให้การส่งเสริมเอ็นจีวีล่าช้ากว่าแผน โดยขณะนี้ ปตท.กำลังสั่งถังขนาด 100 กิโลกรัมเข้ามา จึงคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีการติดตั้งเอ็นจีวีรวม 30,000 คัน มีปั๊มเอ็นจีวี 120 แห่ง แต่หลังจากที่มีการสั่งถังเอ็นจีวีสำหรับแท็กซี่เข้ามาแล้ว และในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 จะมีปั๊มเอ็นจีวีประมาณ 200 แห่ง ก็คาดการส่งเสริมเอ็นจีวีจะเป็นไปตามเป้าหมาย.