กระทรวงคมนาคม ส่งสัญญาณหยิบโครงการรถไฟฟ้า 2 เส้นทาง ทั้งสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และสายสีแดงมาทำก่อน ให้เหตุผลเป็น 2 เส้นทาง ที่เกิดประโยชน์ผู้ใช้ และมีอุปสรรคจากการเวนคืน
สำนักข่าวไทยรายงานข่าวกระทรวงคมนาคม ส่งสัญญาณหยิบโครงการรถไฟฟ้า 2 เส้นทาง ทั้งสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และสายสีแดงมาทำก่อน ให้เหตุผลเป็น 2 เส้นทาง ที่เกิดประโยชน์ผู้ใช้ และมีอุปสรรคจากการเวนคืนเขตทางน้อย ขณะที่นักวิชาการขานรับ หากรัฐบาลตัดใจชะลอลงทุนโรงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ออกไป |
. |
พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การตัดสินใจชี้ขาดในรายละเอียดของโครงการลงทุนระบบรถไฟฟ้า 3 สายทาง ซึ่งขณะนี้ชัดเจนว่ารัฐบาลจะเลือกลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าบางสายทางก่อนเท่านั้น หรือยังไม่ลงทุนพร้อมกันทั้ง 3 เส้นทาง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ หรือเลือกลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และสามารถก่อสร้างได้อย่างรวดเร็วก่อน |
. |
อย่างไรก็ตาม ภาพของโครงการลงทุนว่ารัฐบาลจะเลือกลงทุนในเส้นทางสายใดนั้น จะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า ภายหลังการแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการในระดับปลัดกระทรวง และรองปลัดกระทรวง ของคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดภาพชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบผลักดันโครงการในอนาคต |
. |
ด้านนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับการจัดลำดับความสำคัญในการเลือกลงทุนรถไฟฟ้าก่อนและหลัง ในกรณีที่รัฐบาลจะไม่ก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายพร้อมกัน ประเด็นแรก เส้นทางที่เลือกต้องทำให้เกิดประโยชน์ผู้ใช้บริการด้านขนส่งสูงสุด หรือมีลักษณะทำให้เส้นทางต่อเชื่อมเป็นวงกลม ตัดผ่านย่านชุมชนสำคัญที่มีความต้องการใช้ระบบขนส่งมาก 2.จะต้องเป็นเส้นทางที่มีอุปสรรคด้านการก่อสร้างน้อย เช่น ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเวนคืนเขตทางที่ดินมาใช้เป็นเขตทางเดินรถ ซึ่งจะช่วยการก่อสร้างแล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว และ 3.จะต้องคำนึงถึงเรื่องงบประมาณก่อสร้าง ซึ่งจะมาจากปัจจัยการกำหนดความสั้น/ยาวของระยะทางด้วย |
. |
ขณะที่นายมานพ พงศทัต อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า โครงการลงทุนรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายทางนั้น ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะยังไม่มีการสร้างครบ 3 สายทาง โดยความเห็นของนักวิชาการเห็นว่า ในการดำเนินการก่อสร้างนั้น รัฐบาลควรจัดลำดับความสำคัญ โดยใช้ดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของประชาชนในการตัดสินใจเลือกว่าจะก่อสร้างเส้นใดก่อน รวมถึงการกำหนดเส้นทางที่ประชาชนในส่วนต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ในปัจจุบันยังขาดระบบขนส่งมวลชนอยู่ |
. |
ทั้งนี้ ในส่วนของเส้นทางที่มีความจำเป็น และรัฐบาลควรเร่งดำเนินการก่อสร้างจาก 3 สายเดิม คือ สายสีแดงแนวเหนือใต้ รังสิต-มหาชัย ซึ่งจะมีจุดเชื่อมโยงต่อเชื่อมกับระบบรถไฟฟ้าที่จะเดินทางเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมทั้งมีข้อดีซึ่งจะใช้เขตทางรถไฟเป็นสายทางก่อสร้าง จะสามารถลดอุปสรรคในการต้องดำเนินการเวนคืนที่ดิน ซึ่งเส้นทางดังกล่าว รัฐบาลสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เร็ว นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางที่ควรเร่งดำเนินการคือ ส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ เพื่อให้เส้นทางรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ครบรอบวงกลมรองรับความต้องการใช้ระบบขนส่งของประชาชนได้ |
. |
ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ควรมีส่วนสนับสนุนการลงทุนก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายของภาคเอกชน โดยที่รัฐบาลไม่ต้องเข้าไปดำเนินการเอง เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียวของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส จากสถานีสะพานตากสิน เข้าสู่ย่านฝั่งธนบุรี ซึ่งประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้ระบบขนส่งมวลชนจำนวนมาก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของประชากรในกรุงเทพฯ ทั้งหมด และมีปัญหาความเดือดร้อนของปัญหาจราจรติดขัดอย่างมาก โดยความเห็นในฐานะนักวิชาการเห็นว่า แม้รัฐบาลชุดปัจจุบันจะมีอายุในการบริหารราชการเพียง 1 ปี แต่ก็ควรเร่งผลักดันโครงการระบบขนส่งมวลชนเหล่านี้เกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเฉพาะ 3 สายทางแรกที่จะเริ่มก่อสร้างนั้น ก็จะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาไม่น้อยกว่า 15 ปี แล้ว |
. |
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการจัดลำดับความสำคัญของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่กระทรวงคมนาคม จัดทำแผนขึ้นขณะนี้ โครงการที่มีลักษณะเป็นวงกลม ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง ทั้งแนวเหนือใต้ (รังสิต-มหาชัย) และตะวันออก-ตะวันตก (ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ ) ซึ่งการก่อสร้างได้มีการวางโครงสร้างระบบเดินรถส่วนใหญ่อยู่บนเขตทางรถไฟ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยการก่อสร้างไม่ต้องมีการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติมมากนัก |