อีเมอร์สัน เน็ตเวิร์ค พาวเวอร์ (สัญลักษณ์ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก: EMR) บริษัทผู้นำระดับโลกสำหรับผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น เพื่อช่วยให้การทำงานที่สำคัญของธุรกิจดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง (Business-Critical Continuity™) จัดสัมมนาเวิร์คช็อป Boot Camp อันเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Uptime Partner  โดยมีวัถตุประสงค์เพื่อสร้างสัมพันธภาพ  ที่ดีและส่งเสริมการทำงานอันแข็งแกร่งร่วมกันกับเหล่าตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรคู่ค้า

กว่า 60 พันธมิตรชั้นนำทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมความสนุก พร้อมสาระประโยชน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นต่างๆ ของอีเมอร์สันฯ ซึ่งเวิร์คช็อปครั้งนี้ครอบคลุมโซลูชั่นสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (SMBs) และสำหรับธุรกิจระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์ขนาดใหญ่ ชู 4 ผลิตภัณฑ์หลัก อันได้แก่ โซลูชั่นระบบพลังงาน (Liebert PSI-XR, Liebert PSA และ Liebert GXT), ระบบระบายความเย็น, แร็ค Knurr Miracel และโซลูชั่นสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์

คุณพิเชฏฐ เกตุรวม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีเมอร์สัน เน็ตเวิร์ค พาวเวอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า "ลักษณะธุรกิจของเรา ลูกค้า และสภาวะทางการตลาด เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของบริษัทฯ ในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการจัดจำหน่าย โดยการรับพันธมิตรคู่ค้ารายใหม่เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพการบริการอันดีเยี่ยมที่เรามีต่อลูกค้า"

สัมมนาในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการอบรมที่มุ่งพัฒนาความสามารถและศักยภาพของคู่ค้า ผ่านกิจกรรมความบันเทิงและสาระความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับวิธีการและข้อมูลการทำธุรกิจที่ถูกต้อง เพื่อยกระดับการทำงานและช่วยส่งเสริมความสำเร็จแก่คู่ค้าอีกด้วย

"ในการเป็นพันธมิตรทางการค้าร่วมกัน นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ทางอีเมอร์สันฯ ให้ความสำคัญในการจัดอบรมให้ความรู้และเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อพัฒนาความสามารถและศักยภาพของคู่ค้าผ่านกิจกรรมและการส่งเสริมในด้านต่างๆ ซึ่งสัมมนาในครั้งนี้นอกจากจะ    ช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับเหล่าพาร์ทเนอร์ต่างๆ แล้ว ยังเป็นแรงผลักดันให้เราในการเสริมความแข็งแกร่งที่ทั้งคู่ค้าและอีเมอร์สันฯ ได้รับผลประโยชน์ร่วมกันสำหรับตลาดประเทศไทยอีกด้วย"    คุณวิศรุต ไชยพันธ์ ผู้จัดการ บริษัท เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น กล่าว

ทั้งนี้ ตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรคู่ค้าของอีเมอร์สันฯ จะได้รับการฝึกอบรม การสนับสนุนทางด้านการขายและการตลาด พร้อมด้วยความช่วยเหลือเกี่ยวกับสินค้าและบริการในฐานะคู่ค้ากับทางบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

อีเมอร์สัน เน็ตเวิร์ค พาวเวอร์ คือ หนึ่งในธุรกิจของอีเมอร์สันจากประเทศสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้นำโซลูชั่นเพื่อช่วยให้การทำงานที่สำคัญของธุรกิจดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง (Business-Critical Continuity) บริษัทฯ เป็นผู้นำเสนอโซลูชั่นที่นำมาประยุกต์ใช้ได้โดยง่ายและมีเสถียรภาพสูงซึ่งช่วยปกป้องโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่มีความสำคัญทางธุรกิจ (Business-Critical Technology Infrastructure) ของลูกค้าด้วยโครงสร้างบริการหลังการขายที่ใหญ่ที่สุดในโลกในตลาดอุตสาหกรรม (Global Services)

อีเมอร์สัน เน็ตเวิร์ค พาวเวอร์ สามารถเป็นผู้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านระบบยูพีเอส ระบบปรับอากาศ และระบบเชื่อมโยงให้กับอุตสาหกรรมไอซีที อุตสาหกรรมการแพทย์และอุตสาหกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์หลักๆ ของอีเมอร์สันประกอบด้วย Liebert, ASCO, Astec และ Lorain Adaptive Architecture อันเป็นสถาปัตยกรรมของ Liebert จะนำไปสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการจ่ายพลังงาน การปรับอากาศ และระบบมอนิเตอร์ริ่ง สำหรับอุตสาหกรรมไอที แพลตฟอร์มดังกล่าว ไม่เพียงแต่มีเสถียรภาพสูงเท่านั้น แต่ยังมีความยืดหยุ่นสูงเพื่อช่วยลดต้นทุนประกอบการให้ต่ำลงได้มากที่สุด

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นต่างๆ สำหรับใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ที่พร้อมด้วยความสามารถเต็มรูปแบบจาก อีเมอร์สัน เน็ตเวิร์ค พาวเวอร์ เยี่ยมชมได้ที่ www.emersonnetworkpower.com

อีเมอร์สัน (สัญลักษณ์ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก: EMR) ตั้งอยู่ในเมืองเซนต์หลุยส์ เป็นหนึ่งในผู้นำเทคโนโลยี และวิศวกรรมระดับโลกซึ่งจัดหานวัตกรรมโซลูชั่นให้กับลูกค้าผ่านทางกลุ่มเครือข่ายธุรกิจต่างๆ ของอีเมอร์สัน ได้แก่ Network Power, Process Management, Industrial Automation, Climate Technologies และเครื่องมือช่าง  โดยมียอดจำหน่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นจำนวนถึง 24.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ   สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.Emerson.com

บริษัทก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2545 ในชื่อ บริษัท วี เน็ตเวิร์ค แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด  เพื่อให้ บริการด้านระบบเครือข่ายสำหรับกลุ่มองค์กรการศึกษาโดยเฉพาะ และจากผลตอบรับซึ่งเป็นที่น่าพอใจทำให้บริษัทได้มีการเพิ่มบริการในด้านต่างๆ มากขึ้นตามลำดับ

ในเดือนกรกฎาคม 2548 บริษัทได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ภายใต้แบรนด์ “เน็ตคอร์ป” และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็นบริษัท เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท จากนั้นบริษัทได้ขยายธุรกิจมาตามลำดับ ทำให้มีความแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ โดยมีการผสานบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจรเข้ากับความต้องการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า

ปัจจุบัน บริษัทได้ขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มทุนจดทะเบียนรวมกว่า 10 ล้านบาท เพื่อการเป็นผู้ให้ บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร และมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งประกอบด้วยลูกค้าทั่วไป ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และลูกค้าองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่