เนื้อหาวันที่ : 2009-04-27 15:45:44 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1604 views

กรณ์อ้อน IMF-WORLD Bank ปรับปรุงเงื่อนไขปล่อยกู้ประเทศกำลังพัฒนา

รมว.คลัง เสนอให้ IMF และ WORLD Bank ปรับปรุงแนวทางในการกำหนดเงื่อนไขในการปล่อยกู้ให้ประเทศกำลังพัฒนามีความยืดหยุ่นและเหมาะสมยิ่งขึ้น เลี่ยงตราบาปซ้ำรอยปี 40

นายกรณ์ จาติกวณิช  รมว.คลัง กล่าวว่า ได้เสนอให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)และธนาคารโลก ปรับปรุงแนวทางในการกำหนดเงื่อนไขในการปล่อยกู้ให้ประเทศกำลังพัฒนามีความยืดหยุ่นและเหมาะสมมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดตราบาป(Stigma)จากที่เคยเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศในเอเชียในช่วงวิกฤติการเงินในช่วงปี 40-41                                           

.

นอกจากนั้น ยังเน้นให้ IMF และธนาคารโลกเข้าใจถึงบทบาทของความร่วมมือทางการเงินในอาเซียน+3 ที่จัดตั้งกองทุนความร่วมมือเชียงใหม่ในระดับพหุพาคี(Chiang Mai Initiative Multilateralization)ซึ่งจะสามารถร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้แก่ภูมิภาคเอเชีย 

.

และจากการเข้าหารือกับ นาง Kathy Sierra  รองประธานธนาคารโลก และผู้เชี่ยวชาญธนาคารโลก เรื่องวิธีการเสริมสร้างการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน(PPPs)เพื่อนำมาใช้สนับสนุนแนวทางการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1.57 ล้านล้านบาทของรัฐบาล และวิธีการพัฒนาระบบประกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านรายได้และลดภาระความเสี่ยงให้แก่เกษตรกรไทย 

.

รวมทั้ง การใช้เงินกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีที่สะอาด(Clean Technology Fund)ของธนาคารโลก มาสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานสะอาด เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและเพื่อพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย โดยธนาคารโลก พร้อมจัดส่งคณะผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวทั้งหมดมาร่วมมือกับรัฐบาลไทย 

.

"ในช่วงที่ประเทศไทยเราประสบปัญหาเป็นช่วงที่เรายิ่งมีความจำเป็นต้องเดินหน้าชี้แจงและให้ข้อมูลต่อชาวโลก  การหลีกเลี่ยงการยอบรับปัญหาจะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นในประเทศเราลดลง" รมว.คลัง กล่าว 

.

นอกจากนั้น รมว.คลัง ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้แทนออกเสียงในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มองแนวโน้มเศรษฐกิจโลกว่าจะหดตัวที่ 1.3% ในปี 52 และคาดการณ์ว่าจะสามารถเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ในปี 53 ที่คาดว่าขยายตัวได้ 1.9%