มอร์แกน สแตนลีย์คาดมาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก จะได้รับผลกระทบจาก"โรคดัทช์" จะส่งผลให้เกิดภาวะหดตัวด้านการส่งออก
มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า มาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก จะได้รับผลกระทบจาก"โรคดัทช์" (Dutch disease) หรือปรากฎการณ์ที่รายได้ในระดับสูงจากทรัพยากรธรรมชาตินำไปสู่การแข็งค่าของสกุลเงิน อันจะส่งผลให้เกิดภาวะหดตัวด้านการส่งออก |
. |
"โรคดัทช์" เป็นคำเปรียบที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการค้นพบก๊าซธรรมชาติของเนเธอร์แลนด์ในปีค.ศ.1960 ซึ่งในเวลานั้นรายได้จากการส่งออกที่สูงขึ้นอย่างพรวดพราดได้ทำให้ค่าเงินของประเทศเนเธอร์แลนด์สูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าภายในประเทศสูงขึ้น |
. |
ขณะที่ราคาสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ ทำให้การผลิตทั้งภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมได้รับความเสียหาย และการเติบโตทางเศรษฐกิจชะงักงัน |
. |
เดยี ตัน นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า ภาวะเฟื่องฟูของอุตสาหกรรมสินค้าโภคภัณฑ์ ประกอบกับนโยบายที่ให้เอกสิทธิ์ต่อชนพื้นเมืองชาวมาเลเซียส่งผลให้ประสิทธิภาพในตลาดลดน้อยลงและทำให้ความสามารถในการแข่งขันของมาเลเซียลดลงด้วย ทั้งนี้ก็เพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นส่งผลให้ค่าเงินมาเลเซียแข็งขึ้นและบั่นทอนภาคการส่งออกซึ่งถือเป็นรายได้หลักของมาเลเซีย |
. |
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะฉุดภาคอุตสาหกรรมและตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศให้ทรุดตัวลง โดยคาดว่าเศรษฐกิจมาเลเซียจะหดตัวลง 1% หรืออาจขยายตัวได้น้อยที่สุดในปีนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลมาเลเซียจะต้องเร่งใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ |
. |
ซึ่งรวมถึงถึงการใช้นโยบาย New Economic Policy ที่กำหนดให้ชาวอินเดียและชาวจีนซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในมาเลเซียซื้อบ้านในราคาที่สูงขึ้น และต้องลงมาแข่งขันกับชาวมาเลเซียในเรื่องการหางาน หาที่เรียนในมหาวิทยาลัย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน |