นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เห็นว่า การจัดหาวงเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับภาคเอกชนผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวตามข้อเรียกร้องนั้น น่าจะออกมารูปของการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐหลาย ๆ แห่งร่วมกันปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการ แทนการออกพันธบัตรมาระดมเม็ดเงินในช่วงนี้ที่เป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็จะต้องพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการต่างๆ ที่จะให้สินเชื่ออย่างรอบคอบด้วย                                      

"แบงก์รัฐมีหน้าที่ช่วยเหลือสภาพคล่องอยู่แล้ว ซึ่งหลายแห่งก็มีศักยภาพพอ เพราะรัฐบาลเองได้ให้เงินงบประมาณเพิ่มทุนเพื่อปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบ จึงไม่น่ามีปัญหา...การให้จะรัฐบาลออกบอนด์ แล้วมาปล่อยกู้โดยตรงให้กับผู้ประกอบการนั้น เป็นเรื่องใหญ่เกินไป"นายสมชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ผู้อำนวยการ สศค. ยังกล่าวถึงแนวทางการใช้มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวนั้น เป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากภายใต้สถานการณ์ที่รัฐบาลจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ดังนั้น หากจะให้มีการลดหย่อนภาษีหรือยกเว้นภาษีเงินได้ อาจจะกระทบต่อฐานะการคลังของรัฐบาล  แต่หากเป็นข้อเสนอให้มีการชะลอการนำส่งภาษี โดยกำหนดระยะเวลาการชำระภาษีไว้ชัดเจนอาจมีความเป็นไปได้มากกว่า 

นอกจากนี้ การฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลสามารถช่วยเหลือได้ผ่านนโยบายด้านการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งปัจจุบันงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐหรือส่วนราชการหลายโครงการ สามารถนำมาปรับปรุงแก้ไข เพื่อช่วยเหลือกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวได้

นายสมชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังไม่ได้ศึกษามาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เพราะเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้เคยศึกษามาตรการฟื้นฟูท่องเที่ยวจากผลกระทบการปิดสนามบินไว้แล้ว แต่สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปมาก คงต้องมีการศึกษากันใหม่