เนื้อหาวันที่ : 2009-04-16 10:17:02 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1394 views

โมเบียส-ฟาเบอร์เตือนวิกฤติการเมืองไทยกระทบเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว-ตลาดหุ้น

มาร์ค โมเบียส และมาร์ค ฟาเบอร์ เตือนวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทยส่งผลให้เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในความเสี่ยง ทำให้นักลงทุนไม่ค่อยกล้าเข้ามาลงทุน และอาจเทขายหลักทรัพย์ แนะรัฐบาลกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและฟื้นฟูการลงทุนระยะสั้นและระยะกลาง

มาร์ค โมเบียส ผู้จัดการกองทุนชื่อดังและประธานบริษัท เทมเพลตัน แอสเส็ท เมเนจเมนท์ ซึ่งเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยมาเป็นเวลากว่า 20 ปี กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทยส่งผลให้เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในความเสี่ยงด้วย พร้อมกับแนะนำให้รัฐบาลไทยกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและฟื้นฟูการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง                  

.

อย่างไรก็ตาม โมเบียสกล่าวว่า "ตราบใดที่ประเทศไทยดำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เราก็เชื่อว่าไทยจะมีทางออกอยู่เสมอ และเรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มระยะยาวและปัจจัยพื้นฐานของไทย" 

.

ขณะที่มาร์ค ฟาเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับโลกและเป็นผู้ตีพิมพ์นิตยสารการลงทุน Gloom, Boom and Doom Report กล่าวว่า "สถานการณ์ด้านการเมืองในประเทศไทยในขณะนี้ทำให้นักลงทุนไม่ค่อยกล้าเข้ามาลงทุน และอาจทำให้กลุ่มผู้จัดการกองทุนที่มีพอร์ทอยู่ในตลาดหุ้นไทย "เทขาย" หลักทรัพย์ 

.

เราคาดว่าทั้งสองฝ่ายคือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และทางรัฐบาล จะยังไม่สามารถตกลงกันได้ในระยะนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยมากเป็นพิเศษ เนื่องจากไทยต้องพึ่งพาเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในสัดส่วนสูงถึง 12% ของกิจกรรมโดยรวมทางเศรษฐกิจ"                                     

.

ด้านนักวิเคราะห์จาก Cazenove Asia Ltd กล่าวถึงภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยว่า "ความวิตกกังวลเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองจะส่งผลในด้านลบต่อตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ การชะลอตัวลงของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จะยิ่งทำให้ตัวเลขเงินกู้หนี้เสียของไทยพุ่งสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงแนะนำให้นักลงทุน 'เทขาย' หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ หุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB)" 

.

นอกจากนี้ ดาห์เน รอธ นักวิเคราะห์ด้านหลักทรัพย์จาก ABN Amro Private Bank กล่าวว่า "เราคาดว่าภาวะผันผวนทางการเมืองในประเทศไทยจะยังไม่ยุติลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ และจะส่งผลบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งเราประเมินว่านักลงทุนจะให้ความสนใจต่อตลาดหุ้นไทยน้อยมาก"

.

มาร์ติน โฮเฮนซี นักวิเคราะห์จากดอยช์ แบงค์กล่าวว่า "แม้รัฐบาลไทยสามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับขึ้นมาเป็นต่อได้อย่างรวดเร็ว แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนไปแล้ว สถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลในด้านลบต่อค่าเงินบาทเพราะไทยสูญเสียเม็ดเงินจากธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก" 

.

ก่อนหน้านี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ขู่ปรับลดอันดับเครดิตของไทย เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ไร้เสถียรภาพได้สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและส่งผลให้เม็ดเงินทุนไหลออกนอกประเทศด้วย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน