ตัวแทนหน่วยงานรัฐและเอกชนเข้าร่วมงานเสวนา "แนวทางการกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพัทยา" เผยเมืองพัทยากำลังเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกียวข้องพิจารณาเพิ่มอัตราส่วนการถือครองห้องชุดของชาวต่างชาติ เพื่อดึงดูดนักลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ                                                             

งานเสวนาดังกล่าวจัดโดยเมืองพัทยา ร่วมกับ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องอภิปรายถึงผลกระทบของวิกฤติทางการเงินโลกรวมถึงปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองและสังคมที่ส่งผลต่อเมืองพัทยา พร้อมเสนอแนะกลยุทธ์ในการปรับตัวรับมือกับวิกฤติในครั้งนี้ โดยมีตัวแทนจากกลุ่มและชุมชนต่าง ๆ ในพัทยาเข้าร่วมกว่า 200 คน 

นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เผยการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักที่เมืองพัทยาให้ความสำคัญ รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบลองสเตย์หรือพักอาศัยระยะยาว ซึ่งพัทยามีระบบสาธารณูปโภคที่เพียบพร้อม และสามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภคในตลาดกลุ่มนี้ได้อย่างดี และจะเป็นกลุ่มหลักที่สร้างรายได้และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งเมืองพัทยาและของไทยเป็นอย่างมาก 

นายอิทธิพล กล่าวว่า "พัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ความท้าทายของเราคือ นอกจากจะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนบ่อยขึ้น ยังต้องพัฒนาให้เมืองพัทยาเป็นแหล่งที่พักอาศัยที่น่าอยู่อีกด้วย"

"เพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์นี้ เราจึงต้องทำงานกันอย่างหนักในการพัฒนาทั้งเมืองพัทยาโดยรวมและระบบสาธารณูปโภคให้มีความพร้อมในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบลองสเตย์ ในขณะเดียวกันชาวพัทยาก็ต้องปฏิบัติตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความมีน้ำใจ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาพักผ่อนนานขึ้น" นายอิทธิพลกล่าวสรุป  

อสังหาริมทรัพย์ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญอีกอุตสาหกรรมหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของพัทยาทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวโยงกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด ดังนั้นหากสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยู่ในพัทยายาวขึ้น สามารถถือได้ว่าเป็นการทำให้ตลาดกลุ่มนี้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองพัทยานั่นเอง   

สำหรับตัวแทนภาคเอกชนที่เข้าร่วมการเสวนาครั้งนี้ ได้แก่ ตัวแทนของบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) รวมถึงสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ต่างเห็นพ้องถึงการดึงกลุ่มชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มผู้เกษียณอายุที่ต้องการเข้ามาพักอาศัยระยะยาว 

นอกจากนี้ ยังชี้ว่าการเพิ่มอัตราส่วนการถือครองห้องชุดของชาวต่างชาติจะเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจของไทยในภาครวม ทั้งยังเป็นการดึงดูดตลาดกลุ่มผู้เกษียณอายุ ซึ่งจะสามารถเพิ่มยอดขายของโครงการทั้ง 10 โครงการในปัจจุบันได้ถึง 6,000 ล้านบาท จากการสอบถามทางโครงการต่าง ๆ พบว่าหลายโครงการสามารถจำหน่ายห้องชุดภายในสัดส่วนการถือครองของชาวต่างชาติ 49% ได้หมดแล้วอย่างไรก็ตาม ต่างได้รับความสนใจจากผู้ซื้อชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

มร.เฮนรี่ ยัง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ของ ไรมอน แลนด์ กล่าวเสริมว่า "เมื่อปีพ.ศ. 2542 รัฐบาลในสมัยนั้นได้ออกนโยบายพิเศษที่เปิดให้ชาวต่างชาติสามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้นในระยะเวลาที่จำกัด เพื่อเป็นการกระตุ้นการลงทุน รัฐบาลชุดนี้ควรจะพิจารณานโยบายแบบเดียวกันเพื่อตอบสนองกับภาวะของตลาดในปัจจุบัน"