รมช. คลัง เผยการเร่งรัดเบิกจ่ายของรัฐบาลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - วันที่ 20 มีนาคม 2552 ส่งผลให้เบิกจ่ายงบลงทุนเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 7 และการเบิกจ่ายโดยรวมเกินกว่าเป้าหมายร้อยละ 1.05 อ้างคลังได้กำหนดแนวทางเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 52 เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รายงานผลการเบิกจ่ายจนถึงวันที่ 20 มีนาคม 2552 ว่าการเร่งรัดเบิกจ่ายของรัฐบาลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - วันที่ 20 มีนาคม 2552 ส่งผลให้เบิกจ่ายงบลงทุนเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 7 และการเบิกจ่ายโดยรวมเกินกว่าเป้าหมายร้อยละ 1.05 รวมทั้งกระทรวงการคลังได้กำหนดแนวทางเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 52 เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น |
. |
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณว่า ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ 20 มีนาคม 2552 ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เบิกจ่ายไปแล้ว 827,384 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.09 ของวงเงินงบประมาณ (1,835,000 ล้านบาท) เป็นการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน 704,806 ล้านบาท หรือร้อยละ 47.60 ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน |
. |
แต่สำหรับรายจ่ายลงทุนเบิกจ่ายได้จำนวน 122,578 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.60 ต่ำกว่าอัตราการเบิกจ่ายในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนร้อยละ 3.83 สำหรับผลการเบิกจ่ายในภาพรวมสูงกว่าอัตราการเบิกจ่ายในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.25 และสูงกว่าเป้าหมาย ประมาณร้อยละ 1.05 สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี พ.ศ. 2552 ได้เบิกจ่ายแล้วร้อยละ 27.57 ของวงเงินงบประมาณ (116,700 ล้านบาท) |
. |
ได้แก่ โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปีโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท และโครงการ 5 มาตรการ 6 เดือนเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน เบิกจ่ายแล้วร้อยละ 73.46 64.14 และ 53.01 ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร ตามลำดับ |
. |
ในส่วนของหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณรายจ่ายลงทุนสูง แต่มีผลการเบิกจ่ายที่ต่ำกว่าในปีก่อนนั้น เนื่องจากหน่วยงานดังกล่าว ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และราคาน้ำมัน ส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้ต้องปรับราคาให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง จึงมีหลายหน่วยงานไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ได้แก่ เมืองพัทยา การเคหะแห่งชาติ กรมทางหลวงชนบท สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และกรมทางหลวง |
. |
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายของรัฐบาลในปัจจุบันก็เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการสร้างงานและลดปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จึงได้ตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ โดยให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรที่เกี่ยวข้องที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำ ชี้แจงข้อเท็จจริงและรายงานข้อมูล รวมทั้งจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อคณะกรรมการ |
. |
จากการติดตามผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนในภาพรวม ปรากฏว่าผลจากการมีคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนภาพรวมสูงกว่าช่วงเดือนตุลาคม 2551 - มกราคม 2552 ถึงร้อยละ 7.1 โดยการเบิกจ่ายล่าสุดช่วง เดือนกุมภาพันธ์ - 20 มีนาคม 2552 เบิกจ่ายได้เกินเป้าหมายตลอด 6 สัปดาห์ โดยเฉลี่ยร้อยละ 1.4 ต่อสัปดาห์ |
. |
ขณะที่ก่อนหน้านี้ เดือนตุลาคม 2551 - สิ้นเดือนมกราคม 2552 มีการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำกว่าเป้าหมาย เฉลี่ยร้อยละ 5.66 ต่อสัปดาห์ สำหรับหน่วยงานที่มีผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย เมืองพัทยา การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และกรมราชทัณฑ์ โดยมีอัตราการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนร้อยละ 0.00 0.00 0.01 1.05 และ 1.50 ตามลำดับ |
. |
พร้อมกันนี้เตรียมเสนอมาตรการที่จะส่งผลต่อการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้แก่ มาตรการผ่อนคลายระเบียบพัสดุ เพื่อให้ขั้นตอนการดำเนินงานในการจัดซื้อจัดจ้างเกิดความคล่องตัวขึ้น มาตรการบรรเทาผลกระทบจากภาวะวิกฤตและสภาพคล่องของผู้รับเหมางาน |
. |
โดยผู้รับเหมาสามารถเบิกจ่ายเงินล่วงหน้าได้ร้อยละ 15 มาตรการให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินการฝึกอบรมสัมมนาให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2552 และมาตรการที่ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเร่งรัดให้หน่วยงานในสังกัดที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมายเร่งรัดเบิกจ่ายให้มากขึ้น |
. |
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ กล่าวเสริมอีกว่า นอกจากมาตรการที่จะเสนอให้ ครม. พิจารณาแล้ว เพื่อให้ทุกหน่วยงานทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับผลการเบิกจ่ายของหน่วยงานต่างๆ ทางกรมบัญชีกลางได้เผยแพร่การจัดลำดับผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ เป็นรายสัปดาห์ทางเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวดเร็วขึ้น |