เนื้อหาวันที่ : 2009-03-27 11:49:04 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1412 views

ความสำเร็จ...มอเตอร์โชว์ ทางเปิด...เศรษฐกิจไทย

งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 30 เริ่มต้นขึ้นแล้ว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม-6 เมษายนนี้ งานนี้โชว์ให้ผู้บริโภคให้เห็นถึงศักยภาพของค่ายรถยนต์ที่นำเอายนตกรรมใหม่มาโชว์ในงานนี้ พลาดไม่ได้

ท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ ที่ถาโถมเข้าใส่อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษกิจโลก ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย การเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของไฟแนนซ์ รวมถึงนโยบายของภาครัฐที่ยังขาดความชัดเจน ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว 
 

.

 

แต่ก็ใช่ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยจะไม่มีปัจจัยบวกเอาเสียเลย โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ จะมีงานใหญ่ที่จะกระชากความเชื่อมั่นของผู้ผลิตและผู้บริโภค ให้กลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง นั่นคือ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 30 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม-6 เมษายนนี้ 

 .

คุณจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ในฐานะรองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ กล่าวถึงการจัดงานในปีว่า "ที่เศรษฐกิจดูเหมือนจะไม่ค่อยสดใสเหมือนกับปีก่อนๆ ซึ่งแม้ว่าหลายๆ คนจะวิตกกังวลกับสภาวะเศรษฐกิจ แต่สำหรับคนทำธุรกิจ แม้ว่าโลกจะเป็นอย่างไร ชีวิตมันก็ต้องดำเนินต่อไป วงจรธุรกิจมันมีขึ้นมีลง เหมือนกับเข็มนาฬิกาที่มีการขึ้นสุด และลงสุด มันเป็นวัฏจักร ช่วงนี้เราผ่านความลำบากมาสุดๆ แล้ว เชื่อว่าคงไม่มีอะไรลำบากมากกว่านี้อีกแล้ว" 

 .

มอเตอร์โชว์ปีนี้ นับว่าเป็นปีที่พิเศษ เนื่องจากว่าครบรอบ 30 ปี ในฐานะที่เข้ามารับผิดชอบการจัดงานนี้กว่า 20 ปี คุณจาตุรนต์ กล่าวว่า "การจัดงานมอเตอร์โชว์ ถือได้ว่าเป็นการผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการพัฒนา มีการเจริญเติบโตไปในทางที่ดีขึ้น เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้มีการแข่งขันให้ผู้ผลิตรถได้นำเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาเสนอให้กับคนไทย ถ้าไม่มีงานแสดงรถยนต์ ก็จะไม่มีการเปรียบเทียบและการแข่งขันในเรื่องเทคโนโลยี"

 .

"เปรียบเทียบกับเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา รถปิกอัพจะเห็นได้ว่าระบบเบรกยังเป็นดรัมเบรกอยู่ พอบริษัทอเมริกันเข้ามา ได้นำเอาเรื่องความปลอดภัยเข้ามา อย่างเช่นระบบ ABS เข้ามาติดตั้งในรถกระบะ ซึ่งต่อมารถญี่ปุ่นจึงนำเอามาติดตั้งบ้าง ถามว่าบริษัทรถญี่ปุ่นมีระบบตรงนี้ไหม แน่นอนเขามี แต่ไม่มีการติดตั้งมาให้"

 .

ถ้าไม่มีงานมอเตอร์โชว์ การแข่งขันตรงนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น มันก็ไม่มีการแสดงศักยภาพให้เห็นว่า ประเทศไทยก็สามารถผลิตรถได้ดีทัดเทียมกับต่างประเทศ โดยมีการประกอบทั้งรถพวงมาลัยซ้ายและขวาในบ้านเราเพื่อนำส่งออก เพราะเรามีการพัฒนาในเรื่องการประกอบ" 

 .

นอกจากนี้ งานมอเตอร์โชว์ยังเป็นงานที่ผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยให้เติบโตเรื่อยมา จนสามารถผลิตรถยนต์ส่งออกได้เป็นล้านๆ คัน ซึ่งประเทศไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกไปยังทั่วโลก และที่น่าสังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ รถจักรยานยนต์ที่มียอดขายต่ำสุดในประเทศ แต่กลับส่งออกได้มากที่สุด คือ คาวาซากิ ซึ่งถ้าไม่มีงานมอเตอร์โชว์ คงจะไม่มีการแข่งขันตรงนี้เกิดขึ้น อุตสาหกรรมยานยนต์บ้านเราคงจะมีการเจริญเติบโตได้ช้ากว่านี้ 

 .

ในส่วนของผู้บริโภค สิ่งที่จะได้เห็นและได้สัมผัส ก็คือ การที่บริษัทรถยนต์ นำเข้าคอนเซ็ปต์คาร์มาแสดง แม้ว่าจะต้องมีการลงทุนสูงทั้งในเรื่องของการขนส่งและการดูแลก็ตาม แต่เพื่อต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ชมงาน ได้ทราบว่า ทางค่ายรถยนต์แต่ละค่ายนั้น ได้มีการพัฒนารถของตนเองไปสู่อนาคต ล้ำหน้าไปอีก 5 ปีข้างหน้า ทั้งรูปร่างหน้าตา เทคโนโลยีต่างๆ ที่จะมีในอนาคต 

 .

ซึ่งถ้าคนที่เข้ามาดู และศึกษาไปด้วย ก็จะรู้ว่า งานมอเตอร์โชว์ของเรา บรรดาค่ายรถยนต์ต่างนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาแข่งขันกัน เป็นการแสดงให้เห็นว่า บริษัทรถไม่ได้หยุดการพัฒนา แต่ได้มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อโชว์ให้ผู้บริโภคให้เห็นถึงศักยภาพของค่ายรถยนต์นั้นๆ 

 .

สำหรับแนวคิดการจัดงาน คุณจาตุรนต์ กล่าวว่า ในปีนี้ เราใช้คอนเซ็ปต์ Green Life on Wheels หรือ ยานยนต์ คน รักษ์ธรรมชาติ ซึ่งความคิดอันนี้เกิดขึ้นเนื่องจากว่า เราพยายามจะผลักดันให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะทุกวันนี้ รถยนต์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ เพราะมันเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกในเรื่องของการเดินทางได้เป็นอย่างดี แต่ข้อเสียก็คือ มันเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายบรรยากาศและธรรมชาติของโลก 

 .

ดังนั้น ค่ายรถยนต์ทุกบริษัท ได้ร่วมกันผลักดันให้รถที่ออกมา ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด โดยมีการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ขึ้น เพื่อให้รถปล่อยมลพิษออกมาให้น้อยที่สุด เพื่อเป็นการกระตุ้นและมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน และช่วยกันดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์  "ยานยนต์ คน รักษ์ธรรมชาติ"

 .

โดยในพื้นที่ส่วนกลางยังคงใช้สไตล์สีสันที่เกี่ยวกับธรรมชาติ บ่งบอกถึงคอนเซ็ปต์ของงาน ทั้งยังไม่ไปทำลายธรรมชาติด้วยการตกแต่ง และประดับด้วยดอกไม้จริงทั้งหมด 

 .

ในส่วนของไฮไลต์ ซึ่งจะไม่ให้พูดถึงเลย ก็เหมือนจะขาดอะไรไปบางอย่าง ซึ่งแน่นอนว่ารถหรูอย่าง Mercedes-Benz จะยังคงทำการเปิดตัว E-Class คูเป้ หรือ ELK พวงมาลัยขวาคันแรกของโลก ในงานของเราเหมือนกับทุกๆ ปี ขณะที่ค่ายรถ BMW ก็น่าจะมีการเปิดตัว BMW X6, New Series 7 และ Z4 ซึ่งจะเปิดตัวก่อนงานมอเตอร์โชว์ที่มิวนิค นอกจากนี้ยังมีรถสปอร์ต Lotus 2- Eleven และ Cup z60 ที่จะเข้าร่วมงานในปีนี้ ในส่วนของ Mazda ก็จะมี มาสด้าซาโซ ซึ่งเป็นยานยนต์ต้นแบบใหม่ล่าสุดของค่าย และปิดท้ายด้วยรถหรูที่มีมูลค่าสูงที่สุดในงานนี้ คือ Aston Martin DBS มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โดย Master Car Rental นำมาเป็นรถเช่า ซึ่งรายละเอียดสามารถสอบถามได้ที่บู๊ธหน้า Hall 102 

.

นอกเหนือจากบรรดารถยนต์จากค่ายรถต่างๆ แล้ว ในปีนี้ในฮอลล์ 106 นอกจากบริษัทรถจักรยานยนต์ที่ร่วมออกงานแล้ว บริษัท ยนตรกิจ คอปอเรชั่น จำกัด ได้ส่งรถยนต์ในเครือ ประกอบด้วย Audi, Citroen, Mitsuoka, Kia, Naza, Polarsun และ Geely มาเข้าร่วมในฮอลล์ 106 นี้ด้วย รวมถึงเรายังมีบริษัทเรือเข้าร่วมงานกับเราถึง 3 บริษัท ซึ่งจะนำเรือยอร์ชเข้ามาแสดง อีกด้วย 

.

อีกอย่างหนึ่งที่เป็นการเฉลิมฉลองครบ 30 ปี ก็คือ การขยายวันเข้าชมจาก 10 วัน เป็น 12 วัน และเมื่อรวมกับวัน VIP และวัน PRESS เป็น 14 วัน เพื่อให้ผู้ร่วมงานมีความคุ้มค่าในการลงทุน และมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับมอเตอร์โชว์ ว่าตลอด 30 ปี เราได้ทำอะไรไปบ้าง และเรายังได้ร่วมกับสมาคมรถคลาสสิค ประเทศไทย ในการนำรถทุกรุ่นที่แสดงในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 1 มาจัดแสดงให้ผู้เข้าชมงานทุกท่านได้ชม ที่บริเวณชั้น 2 ของงานนี้ด้วย 

.

ในการจัดงานของเราพยายามที่จะคืนกำไรให้กับสังคมมากที่สุด เราจะนำเงินส่วนหนึ่ง ที่ได้กำไรจากที่จัดงาน บริจาคให้กับมูลนิธิ หรือช่วยเด็กพิการ นำเอาเงินผลกำไรบางส่วนไปมอบให้ ซึ่งในส่วนนี้เราก็ได้ทำมาตลอดทุกปี แม้ว่าในปีนี้สภาวะเศรษฐกิจไม่ดี เราก็ไม่มีความคิดที่จะเลิกทำ อย่างการจับฉลากผู้โชคดีในปีนี้ เนื่องจากเป็นปีครบรอบ 30 ปีของการจัดงาน ทางผู้จัดยังคงแจกของรางวัล อย่างเช่น รถยนต์ 1 คัน รถกระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 4 คัน เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาชมงาน ได้มีโอกาสลุ้นรางวัลมากยิ่งขึ้นเราได้ร่วมกับ AIS ในการแจกรถยนต์ Honda City เพิ่มอีก 1 คัน ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถลุ้นได้โดยการกดเครื่องหมาย *144# แล้วกดโทรออก 

.

คุณจาตุรนต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "ในปีนี้แม้ว่าประเทศไทย จะได้รับผลกระทบกับวิกฤติเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้าชมงานเป็นจำนวนมากเช่นเคย เพราะเรามีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาแสดง มีรถรุ่นใหม่ๆ ให้ได้ชม และตลอดระยะเวลา 29 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขของผู้เข้าชมงานเรารวมทั้งสิ้นกว่า 30 ล้านคน ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จของงานมอเตอร์โชว์"

 .

สำคัญแต่ว่า...ทางรัฐบาลจะมีความชัดเจนในเรื่องของการให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ชัดเจนได้อย่างไร ไม่ใช่แค่พูดว่าจะช่วยเพียงอย่างเดียว แต่ยังหาความชัดเจนไม่ได้...