สำนักข่าวไทยรายงานข่าวเกี่ยวกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยกรรมการผู้จัดการใหญ่ยืนยันการเดินหน้าแผนการลงทุนด้านพลังงานของ ปตท. ตามเดิม แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง พร้อมยังช่วยชี้แจงต่อเจพี มอร์แกน เอเชีย-แปซิฟิก นักลงทุนรายใหญ่ของโลกเพื่อให้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่แท้จริงในประเทศไทย ซึ่งเจพี มอร์แกนฯ แนะทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดใหม่ออกโรดโชว์สร้างความเข้าใจนักลงทุนทั่วโลก

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขณะนี้จะไม่กระทบต่อแผนการลงทุนด้านพลังงานของ ปตท. เนื่องจากโรงกลั่น โรงแยกก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเลียมที่ ปตท.ลงทุนไปก่อนหน้านี้ ได้ถูกนำไปใช้อย่างเต็มที่แล้ว ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยังคงต้องการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหน ก็ต้องมีนโยบายลงทุนด้านพลังงานเพื่อทดแทนการนำเข้า แต่ต้องดำเนินนโยบายควบคู่กับการใช้พลังงานทดแทนและใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ได้พบปะกับผู้บริหารบริษัท เจพี มอร์แกน เอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งนายประเสริฐ กล่าวว่า ผู้บริหารเจพี มอร์แกนฯ ได้สอบถามถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย และภายหลังได้รับการชี้แจงข้อเท็จจริง ทั้งการเลือกตั้งที่มีขึ้นภายใน 1 ปี ภาพลักษณ์ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่มีความซื่อสัตย์เชื่อถือได้ รวมถึงกระแสข่าวที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้เจพี มอร์แกนฯ แสดงความเชื่อมั่น พร้อมได้แนะนำ ให้ทีมเศรษฐกิจของไทยออกโรดโชว์ เพื่อชี้แจงข้อมูลเหล่านี้แก่นักลงทุนต่างประเทศด้วย เนื่องจากยังมีนักลงทุนอีกจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งจะเห็นได้จากความไม่มั่นใจด้านความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน หากต้องเดินทางมายังประเทศไทย

ส่วนกรณีเรื่องการแปลงสภาพของ ปตท. ในปัจจุบันยังมีคดีฟ้องร้องในศาลปกครองนั้น กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ปตท.ยังคงเตรียมข้อมูลอยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะสนับสนุนให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่รวมถึงคณะรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นคู่กรณีของผู้ฟ้องโดยตรง ส่วนขั้นตอนหลังจากนั้น คงเป็นเรื่องของการชี้แจงในชั้นศาล สำหรับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอื่นๆ โดยส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่คงไม่เข้ามาดูรายละเอียดในเรื่องนี้ เนื่องจากมีเวลาทำงานประมาณ 1 ปี

นายประเสริฐ กล่าวภายหลังการลงนามให้โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย ทำวิจัยสิ่งแวดล้อมในพื้นที่หาดขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอมของ ปตท.